หุ้นที่กลับตัวก่อนทะยานขึ้น
ท่ามกลางข่าวร้ายที่ท่วมตลาดหุ้นไทยไม่ว่าจะเป็นความไม่แน่นอนของการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกลเป็นแกนหรือตัวเลขจากปัจจัยภายนอกจากตัวเลขส่งออกของเศรษฐกิจจีน
ท่ามกลางข่าวร้ายที่ท่วมตลาดหุ้นไทยไม่ว่าจะเป็นความไม่แน่นอนของการจัดตั้งรัฐบาลของพรรคก้าวไกลเป็นแกนหรือตัวเลขจากปัจจัยภายนอกจากตัวเลขส่งออกของเศรษฐกิจจีน และการที่ค่าเงินบาทยังอ่อนค่าเทียบกับดอลลาร์เพราะทุนเก็งกำไรไหลออกแค่การที่ดัชนีของตลาดหุ้นไทยยังคงแกว่งที่ระดับกรอบแนวต้าน 1,545 จุด และแนวรับที่ 1,520 จุด
จุดไม่ได้ขึ้นยาวไกลเหมือนตลาดหุ้นขนาดใหญ่อย่างตลาดหุ้นโตเกียว
สะท้อนข้อเท็จจริงที่ว่าตลาดหุ้นไทยกำลังแกว่งตัวตามข่าวดีที่จะทำให้ดัชนีตลาดทะยานขึ้นไปหรือ breaking out ซึ่งทำให้การเข้าซื้อหุ้นที่แข็งแกร่งสามารถขึ้นทำกำไรให้ผู้ถือได้ไม่ยาก
ที่พูดอย่างมั่นใจก็เพราะดัชนีตลาดหุ้นไทยได้ผ่านจุดต่ำสุดมาแล้วนั้นเอง
คำอธิบายของนักวิเคราะห์ที่เป็นไปอย่างอาศัยเหตุผลทางเทคนิคที่บอกว่าภาวะตลาดหุ้นไทยแกว่งตัวจากแรงซื้อหุ้นพลังงาน สื่อสาร ช่วยหนุนดัชนี แม้มีแรงกดดันจากตัวเลขส่งออกจีนชะลอ และความไม่ชัดเจนของปัจจัยการเมืองในประเทศ กดดันหุ้นกลุ่มบริโภคในประเทศถูกแรงขาย แนวโน้มพรุ่งนี้คาดแกว่งไซด์เวย์ พร้อมให้แนวต้าน 1,540 จุด แนวรับ 1,520 จุด
แต่คำอธิบายที่บอกว่า มูลค่าซื้อขายประจำวันที่เฉลี่ยวันละมากกว่า 5 หมื่นล้านบาท ยังไม่มีคำอธิบายที่เพียงพอที่จะบอกได้ว่าตลาดหุ้นไทยใกล้จะวายแล้วแต่อย่างใดเลย
ข้อสังเกตนี้ สะท้อนให้เห็นการปรับพอร์ตลงทุนของนักลงทุนรายย่อยที่ยังอาศัยความเชื่อมั่นส่วนตัวในการซื้อและขายหุ้นรายตัว อย่างหุ้นกลุ่มธนาคาร ที่ราคาต่ำกว่าบุ๊กแวลู เป็นส่วนใหญ่ ในขณะที่หุ้นกลุ่มสื่อสารหรือหุ้นบางรายการที่มีพื้นฐานแจ่มแกร่งจนเกินห้ามใจจะเข้าถือไว้เพื่อทำกำไรในอนาคตทั้งจากกำไรจากส่วนต่างราคาหรือจากเงินปันผล ที่ดีกว่าจากการที่ราคาหุ้นต่ำลงเกินสมควร
จนกระทั่งน่าสนใจเรื่องของราคาหุ้นไทยที่แนวโน้มทำกำไรสุทธิของบริษัทในตลาดที่สูงขึ้นหลังจากยุคหลังของโควิด-19 เริ่มคลายความน่ากลัวลงไปค่อนข้างมาก แม้จะยังไม่ปกติเหมือนช่วงก่อนโควิดระบาด
โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจากจีนที่กลับมาสร้างความคึกคักครั้งใหม่ให้ตลาดบางอย่างกลับมากระปรี้กระเปร่าจากแรงซื้อที่ดีกว่าเดิมในปีก่อนหน้า
ภาวะเช่นนี้ ให้ผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดดีขึ้นอย่างเห็นได้ชัด น่าจะเห็นได้จากไตรมาสที่สองผ่านไปแล้ว ซึ่งงานนี้จะคาดเดาถึงยอดรายได้และกำไรที่ดีขึ้นมากกว่าเดิม
แรงซื้อที่กลับมาของทุนเก็งกำไรต่างชาติหรือฟันด์โฟลว์และกองทุนในประเทศจะให้ราคาหุ้นและดัชนีของตลาดในระยะต่อไป น่าจะได้เห็นกันในช่วงเดือน กรกฎาคมเป็นต้นไป
เพียงแต่ หุ้นที่จะทะยานขึ้นไปนั้น อาจจะเป็นหุ้นที่ผลประกอบการจะไม่สวยงาม แต่เป็นหุ้นที่เหมาะจะ “ปั่น” ราคา ตามธรรมดาของตลาดที่หาเหตุผลไม่ได้ แม้ว่านักวิเคราะห์พื้นฐานจะไม่เชียร์ให้ซื้อ แต่นักวิเคราะห์ทางเทคนิคกลับนิยมชมชอบกับข่าวลือในตลาด
ของพรรค์นี้เกิดขึ้นได้ของตลาดในช่วงขาขึ้น ขึ้นกับนิสัยของนักลงทุนแต่ละคน