พาราสาวะถีอรชุน
อุทยานราชภักดิ์ยังเป็นปมติดหล่มเกยตื้นของรัฐนาวาคสช. แม้วันนี้จะมีการเบี่ยงกระแสด้วยข่าวคราวการจับกุมมือโพสต์ผังทุจริตจากโครงการดังกล่าว พร้อมคำขู่มาจากผบ.ตร.ใครกดไลค์กดแชร์ให้ระวังเสี่ยงทำผิดต่อกฎหมาย แต่คำถามตัวโตที่เกิดขึ้นก็คือ ถ้าคนเผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดียผิดแล้วสื่อสิ่งพิมพ์ที่นำเสนอเรื่องนี้เหมือนกัน ท่านผู้มีอำนาจจะว่าอย่างไร
อุทยานราชภักดิ์ยังเป็นปมติดหล่มเกยตื้นของรัฐนาวาคสช. แม้วันนี้จะมีการเบี่ยงกระแสด้วยข่าวคราวการจับกุมมือโพสต์ผังทุจริตจากโครงการดังกล่าว พร้อมคำขู่มาจากผบ.ตร.ใครกดไลค์กดแชร์ให้ระวังเสี่ยงทำผิดต่อกฎหมาย แต่คำถามตัวโตที่เกิดขึ้นก็คือ ถ้าคนเผยแพร่ผ่านโซเชียลมีเดียผิดแล้วสื่อสิ่งพิมพ์ที่นำเสนอเรื่องนี้เหมือนกัน ท่านผู้มีอำนาจจะว่าอย่างไร
ส่วนเรื่องเฟซบุ๊กกลุ่มสถาบันคนเสื้อแดงแห่งชาติ ที่ถูกอ้างว่าเป็นต้นตอของการเผยแพร่ข่าวสารผังดังว่า ก็อยากให้ฝ่ายความมั่นคงสืบสวนสอบสวนให้ชัด ใครเป็นแอดมินมีตัวตนหรือไม่ จะได้ไขข้อกระจ่างไม่ใช่การจัดตั้งสร้างกันเองเพื่อดิสเครดิตกลุ่มที่กำลังตรวจสอบความไม่ชอบมาพากลของโครงการที่สูงส่งนี้อย่างเข้มข้น
ประเด็นการตามตัวคนทำผิดจากการเผยแพร่ผังดังกล่าวเป็นเรื่องของเจ้าหน้าที่ซึ่งจะต้องมีคำอธิบายทุกขั้นตอน เนื่องจากข้อกล่าวหาที่ระบุว่าผิดมาตรา 112 นั้นถือว่าร้ายแรง แต่อีกด้านในส่วนของผู้มีอำนาจก็เริ่มออกอาการกังขากันเอง โดย พลเอกอุดมเดช สีตบุตร แสดงความไม่พอใจที่ พลเอกไพบูลย์ คุ้มฉายา ออกมาให้ข่าวว่ามีการทุจริตเกิดขึ้นกับโครงการอุทยานราชภักดิ์
เป็นความไม่พอใจเพราะเห็นว่ารีบด่วนสรุปจนเกินไปหลังการเข้าพบของ จตุพร พรหมพันธุ์ และ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แต่หากย้อนกลับไปยังการคั่วตำแหน่งผบ.ทบ.หลังการเกษียณของ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ถ้าจำกันได้ แคนดิเดตเวลานั้นก็มีแค่บิ๊กโด่งกับบิ๊กต๊อกเท่านั้น ก่อนที่น้องร่วมสายบูรพาพยัคฆ์จะเข้าวิน เรียกได้ว่าคู่นี้มีความหลังที่ไม่ค่อยสู้ดีระหว่างกันอยู่แล้ว
อย่างไรก็ตาม หลังการแสดงความไม่พอใจ บิ๊กต๊อกก็ออกมาปฏิเสธทันควันพร้อมกับโยนความผิดไปให้สื่อว่าฟังตนพูดยังไม่ทันไรก็ไปสรุปกันแล้วว่ามีการทุจริต ร้อนถึงสื่อโทรทัศน์หลายช่องต้องเอาคำพูดของรัฐมนตรียุติธรรมหลังการเข้าพบของสองแกนนำนปช.มายืนยันว่าท่านพูดไว้ว่าอย่างไรในวันนั้น นี่แหละที่บอกว่า เวลานี้ผู้มีอำนาจถือได้ว่าเป็นนักการเมืองเต็มตัวแล้ว
คำพูดของพลเอกไพบูลย์ในวันนั้นก็คือ “บอกพี่น้องประชาชนได้เลยว่า โครงการนี้มีทุจริต เพราะผู้ที่รับผิดชอบไปชี้แจงเองว่ามีทุจริต แล้วผมไปตรวจแล้วบอกไม่ทุจริต แล้วมันจะอยู่กันอย่างไร มันต้องเจอสิ แต่จะเจอใครที่ไหนอย่างไรก็อีกเรื่องหนึ่ง ก็ต้องคอยดู” ชัดเจนเช่นนี้นี่หรือที่บอกว่าสื่อไปสรุปกันเอาเอง ดูกันต่อว่าท่านจะพลิกพลิ้วอย่างไรต่อไป
ส่วนผลการตรวจสอบของคณะกรรมการกระทรวงกลาโหมที่มี พลเอกชัยชาญ ช้างมงคล เป็นประธาน จากเดิมที่คาดหมายว่าน่าจะใช้เวลาอีกหลายเดือนจึงจะมีข้อสรุป แต่แว่วมาจากฝ่ายตรวจสอบน่าจะทราบผลกันภายในสัปดาห์นี้ อย่างที่บอกมันไม่ได้มีอะไรลึกลับซับซ้อน แค่แจกแจงบัญชีรายรับรายจ่าย แยกบัญชีงบประมาณแผ่นดินและเงินบริจาค ใช้ไปเท่าไหร่ ทำอะไรบ้าง เท่านี้ก็จบ
เหมือนอย่างที่บิ๊กโด่งโพล่งออกมาเมื่อวันศุกร์ เสียดายที่ พลเอกธีรชัย นาควานิช ไม่ได้นำเอาบัญชีทั้งหมดมาอธิบายเมื่อคราวแถลงข่าว 20 พฤศจิกายน ถ้าทำเสียตั้งแต่วันนั้นเรื่องนี้ก็เงียบไปตั้งนานแล้ว พอมาทำวันนี้ ถ้าไม่ปรากฏรายชื่อคนทุจริตแค่อธิบายการใช้จ่ายทุกบาททุกสตางค์อาจจะไม่เพียงพอ แต่เชื่อได้เลยว่า น่าจะมีตัวละครที่ไม่ได้มีตำแหน่งแห่งหนทั้งทางราชการและฝ่ายบริหารเป็นผู้กระทำผิดแน่นอน
ที่แน่ๆ ตามคำปรารภของบิ๊กตู่ อดีตนายทหารสองคนที่อยู่ระหว่างหลบหนี สุชาติ พรมใหม่ กับ คชาชาต บุญดี คงหนีไม่พ้นติดร่างแห แต่ที่จะต้องอธิบายกันให้ได้คือกรณีเซียนพระ “อ.” ที่ถูกระบุว่าเป็นคนเรียกค่าหัวคิวโรงหล่อ เนื่องจากตัวละครรายนี้อย่างที่ปรากฏตามสื่อที่มีการตรวจสอบหลายสำนัก ท่านผู้มีอำนาจบางรายได้ถ่ายรูปใกล้ชิดแสดงความยินดีในวันที่เซียนพระคนดังกล่าวได้รับเลือกให้เป็นผู้บริหารท้องถิ่นด้วย
ภาพที่ปรากฏเช่นนั้น อาจจะได้รับฟังการอธิบายว่าเป็นเรื่องปกติธรรมดาของผู้มีอำนาจที่จะมีใครต่อใครมาขอถ่ายรูปด้วย แต่หากย้อนกลับไปถึงเรื่องเล่าในอดีตว่าด้วยการวิ่งเต้นแต่งตั้งโยกย้ายข้าราชการโดยเฉพาะคนมีสี วิธีการที่จะหลีกเลี่ยงเรื่องการรับสินบนกันก็ใช้เซียนพระนี่แหละมาเป็นตัวเชื่อมแบบแยบยล
โดยผู้มีอำนาจจะแนะนำคนที่เข้ามาหาให้ไปพบเซียนพระรายใดรายหนึ่ง จากนั้นก็จะมีการบูชาพระพุทธรูปตามราคาที่กำหนดเพื่อนำไปให้ผู้ใหญ่รายนั้น หากเป็นราคาที่เหมาะสมกับพื้นที่ทุกอย่างก็ว่ากันตามนั้น ถ้าน้อยไปผู้ใหญ่ก็จะบอกคนที่วิ่งเต้นว่าพระองค์นั้นมันไม่เหมาะกับพื้นที่เกรดเอ ต้องไปบูชากันมาใหม่
นี่คือความเป็นจริง โดยที่เงินบูชาทั้งหมดเซียนพระเหล่านั้นก็จะรวบรวมไปให้ผู้มีอำนาจรายนั้น โดยตัวเองจะได้รับค่าตอบแทนที่เป็นธุระให้ตามสมควร ที่เล่ามาเช่นนี้ไม่ได้หมายความถึงว่าเซียนพระ “อ.” จะมีพฤติกรรมเหมือนตัวอย่าง แต่อย่างน้อยก็พอจะอธิบายให้หลายคนเข้าใจว่าเซียนพระเข้าไปเกี่ยวข้องกับการเรียกหัวคิวโรงหล่อได้อย่างไร หากไม่มีฝ่ายถืออำนาจหรือคนใกล้ชิดที่อาจแอบอ้างนายให้การหนุนหลัง
อะไรจะรวดเร็วขนาดนั้น ในขณะที่หลายฝ่ายกำลังสาละวนอยู่กับปมอุทยานราชภักดิ์ ปรากฏว่ากรธ.ร่างรัฐธรรมนูญมาจนถึงวันนี้คืบหน้าไปกว่า 70 เปอร์เซ็นต์แล้ว มีประเด็นใหม่ที่ผุดขึ้นมาคือ จะให้มีการตรวจสอบทรัพย์สินเครือญาติของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองทั้งนายกรัฐมนตรีและคณะรัฐมนตรี ร้อนถึง มีชัย ฤชุพันธุ์ ต้องรีบออกมาปฏิเสธทันควัน
โดยมีชัยยืนยันว่าไม่ทำเช่นนั้นเพราะจะสร้างความเดือดร้อนกันเป็นแถว ยิ่งคนในตระกูลใหญ่มีเครือญาติมาก ไม่แน่ใจว่ากลัวจะไปเหยียบตาปลาใครหรือเปล่า แต่เชื่อได้เลยว่าประสาเนติบริกรชั้นครู คงจะต้องมีอะไรที่ซ่อนไว้ในประเด็นนี้อย่างแน่นอน มิเช่นนั้น คงไม่ปรากฏเป็นข่าว ความพิสดารพันลึกทั้งหลายจะได้ความกระจ่างไม่เกินกลางเดือนหน้าเพราะร่างรัฐธรรมนูญร่างแรกจะเสร็จเรียบร้อย ลุ้นกันว่า ทุกอย่างจะสงบราบคาบหรือเกิดแรงกระเพื่อมรุนแรงโดยเฉพาะจากฝ่ายการเมือง