หุ้น ITV ที่เป็นมากกว่าธรรมดา

เป็นเรื่องของหุ้น ITV ที่อาจจะทำให้ "พิธา" พลาดเก้าอี้นายกรัฐมนตรี กลายเป็นประเด็นที่แยกออกเป็นสองส่วนคือส่วนของนิตินัยและส่วนของพฤตินัย


เป็นเรื่องของหุ้น ITV ที่อาจจะทำให้นายพิธา ลิ้มเจริญรัตน์พลาดเก้าอี้นายกรัฐมนตรี

กลายเป็นประเด็นที่แยกออกเป็นสองส่วนคือส่วนของนิตินัยและส่วนของพฤตินัย

ทั้งสองประเด็นให้ผลลัพธ์ตรงกันข้ามกัน เพราะหากยึดถือตามหลักกฎหมายเคร่งครัด หุ้น ITV เป็นหุ้นสื่อ แน่นอนครับ แต่ถ้าถือตามหลักพฤตินัยถือว่าไม่ใช้หุ้นสื่อเพราะเหตุผลที่ว่าหุ้นบริษัทนี้ถูกทำให้ไร้ราคาจากการที่รัฐบาลเข้าไปยึดกิจการและทรัพย์สินมาเป็นของรัฐในนามบริษัท ไทย พีบีเอส จำกัดเรียบร้อยไปแล้ว ทำให้หุ้น ITV เป็นหุ้นที่ไม่มีทรัพย์สินอะไรเป็นสื่ออีกแล้ว

หุ้น ITV เป็นหุ้นที่เกี่ยวโยงกับการเมืองไทยมาตั้งแต่ต้น เพราะถูกก่อตั้งขึ้นมาสมัยนายอานันท์ ปันยารชุน ที่เขียน TOR ไว้ชัดเจนว่าต้องการให้หุ้นดังกล่าวไม่มีเจ้าของชัดเจนตั้งแต่แรก แต่ตอนที่ถูกก่อตั้งขึ้นมากับถูกบิดเบี้ยวให้กลายเป็นหุ้นในเครือภายใต้กำมือของธนาคารไทยพาณิชย์

ในช่วงแรกของการก่อตั้งหุ้นนี้ไม่ได้ชื่อว่า ITV ตั้งแต่แรกและมีปัญหาทางการเงินและข้อกฎหมายที่มีเงื่อนไขของระบบธนาคารพาณิชย์ยุคหลังวิกฤตต้มยำกุ้ง บังคับให้ธนาคารไทยพาณิชย์ต้องขายหุ้นออกมาให้กับกลุ่มทักษิณ ชินวัตรเข้ามาถือหุ้นแทน

ทักษิณ เข้ามาถือหุ้นใน ITV ก่อนที่จะขายหุ้นระดมทุนในตลาดหุ้น ซึ่งทำให้หุ้นบริษัทนี้หวือหวาอย่างมากช่วงเวลาหนึ่งก่อนที่จะมีความขัดแย้งซึ่งบานปลายออกไป เมื่อกลุ่มผู้ถือหุ้นรายย่อยที่เข้ารับงานทำรายการข่าวโทรทัศน์อย่างกลุ่มเนชั่นทำการประโคมข่าวเป็นเจ้าของบริษัทที่ออกโรงกล่าวหาว่าทักษิณได้ใช้อำนาจในทางมิชอบผ่านการแทรกแซงข่าวใน ITV จนต้องแยกตัวออกไป

ผลลัพธ์คือทักษิณ ชินวัตรเป็นผู้ร้ายในวงการสื่อที่ต้องทำลายล้างไปให้สิ้นซาก ด้วยการที่รัฐบาลเผด็จการใช้อำนาจศาลบ่งชี้ว่า ITV มีปัญหา ต้องถูกยึดเป็นของรัฐ

หลังจากนั้นดัดแปลงให้เป็นโทรทัศน์ช่องใหม่มีชื่อว่า ไทย พี บี เอส เข้ามายึดครองทรัพย์สินของบริษัท ITV

ITV จึงกลายเป็นบริษัทที่มีเเต่โครงไม่เหลือทรัพย์สินทางด้านสื่อใด ๆ นับตั้งแต่นั้นมา

ในทางนิตินัยพีบีเอสนั้นถูกคณะกรรมการที่นำโดยกลุ่มเอ็นจีโอ.เข้ามายึดครองแล้วดำเนินการกับรายการตามที่คนทำด้วยเงินอุดหนุนจากสสส.ปีละ 2,000 ล้านบาท มาจนถึงทุกวันนี้ ภายใต้ข้ออ้างว่าเป็นสถานีประชาชนอย่างไร้ยางอาย

การเข้าไปถือหุ้นใน ITV ของนายพิธา จึงเปรียบเสมือนการฮุบเอาเหยื่อทางการเมืองที่ล่อเอาไว้ จะโดยเจตนาอะไรก็ตาม

หากถือตามเกณฑ์ที่ศาลรัฐธรรมนูญตีความในกรณีของนายธนาธร จึงรุ่งเรืองกิจ แล้วนายพิธาไม่รอดแน่นอน สมใจและสะใจพวกขี้อิจฉาทั้งหลายที่พากันจ้องจะล้มรัฐบาลผสมที่มีพรรคก้าวไกลเป็นแกนนำ ตั้งแต่เนิ่น ๆ ก่อนที่จะเติบใหญ่ในอนาคต

ถือเป็นการตัดไฟเเต่ต้นลม

ประเด็นอย่างนี้ ทำให้เห็นชัดเจนแล้วว่าพลังอนุรักษนิยมนั้นมีแนวร่วมใหญ่โตมหาศาลทั้งที่มองเห็นและมองไม่เห็นเพียงใด

คงจะทำให้การเมืองไทยวุ่นวายกันต่อไปอีกสักพักใหญ่ทีเดียว เหมือนเช่นในอดีตที่ผ่านมาของวงจรอุบาทว์ทางการเมืองของไทย ที่ลงเอยด้วยการให้กองทัพเข้ายึดอำนาจเบ็ดเสร็จกันอีก

คนหัวก้าวหน้าคงต้องพากันหาข้อเท็จจริงที่ว่า ITV เป็นมากกว่าหุ้นธรรมดา

Back to top button