WHA ข่าวดีมาต่อเนื่อง

เส้นทางนักลงทุน

ในช่วงเกือบ 6 เดือนที่ผ่านมานี้ บริษัท ดับบลิวเอชเอ คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ WHA มีข่าวดีมาอย่างต่อเนื่อง ข่าวดีล่าสุดแว่ว ๆ ว่ามีโอกาสถูกนำเข้าคำนวณในดัชนี SET50 รอบใหม่ ซึ่งจะประกาศรายชื่อออกมาในช่วงกลางเดือนมิถุนายนนี้

WHA ประกอบธุรกิจ 4 กลุ่ม ได้แก่ โลจิสติกส์, นิคมอุตสาหกรรม, สาธารณูปโภคและพลังงาน และให้บริการด้านดิจิทัล แต่ในช่วงไม่กี่เดือนของปี 2566 นี้ กลุ่ม WHA ขยายพันธมิตรและมีการลงทุนต่อเนื่อง ทั้งการส่งบริษัท ดับบลิวเอชเอ เคดับบลิว อัลไลแอนซ์ จำกัด (WHAKW) จับมือกับบริษัท โตเกียว ทาเทโมโนะ จำกัด (TTA) จัดตั้งบริษัทร่วมทุน เพื่อลงทุนพัฒนาพื้นที่อาคารสำนักงานระดับท็อปเทียร์ในประเทศไทย จะประเดิมโครงการแรกบนถนนสุขุมวิท มูลค่า 1,000 ล้านบาท จากนั้นจะขยายโครงการออกไปในย่านศูนย์กลางธุรกิจทั่วกรุงเทพฯ ในอนาคต

นอกจากนี้ บอร์ด WHA ยังทุ่มงบลงทุน 912 ล้านบาท ให้บริษัทย่อย คือ บริษัท ดับบลิวเอชเอ เวนเจอร์ โฮลดิ้ง จำกัด เข้าไปลงทุนในหุ้นสามัญเพิ่มทุนของบมจ.สยามราชธานี (SO) จำนวน 111.60 ล้านหุ้น หรือ 20% ที่ราคาขายหุ้นละ 8.1720 บาท จนกลายเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ลำดับ 2 ของ SO รองจากตระกูลวิมลเฉลา หวังต่อยอดการให้บริการลูกค้า ตลอดจนรองรับการเติบโตของธุรกิจโลจิสติกส์ และนิคมอุตสาหกรรมอัจฉริยะ

ในส่วนของผลการดำเนินงานผ่านไป 1 ไตรมาส WHA มีกำไรสุทธิที่ 523 ล้านบาท แม้จะลดลง 20% จากงวดเดียวกันปีก่อน แต่ปรับตัวดีขึ้นถึง 82% จากไตรมาสก่อน ตัวเลขนี้ดีกว่าที่โบรกเกอร์หลายรายคาดการณ์ไว้ ส่วนรายได้ก็เพิ่มขึ้น 31% จากงวดเดียวกันปีก่อน เพราะยอดโอนที่ดินมากขึ้น แต่ถ้าจะเทียบกับไตรมาสก่อน ก็ต้องยอมรับว่าลดลง 75% เนื่องจากไม่มีรายได้จากการขายสินทรัพย์เพื่อการลงทุน

จุดที่ต้องจับตามองสำหรับ WHA คือ อัตรากำไรขั้นต้นอยู่ที่ 48% ลดลงจาก 49.2% ในไตรมาส 1 ปี 2565 ซึ่งอัตรากำไรขั้นต้นที่น้อยลงมาจากธุรกิจเช่าที่และขายที่ดิน

แต่ถ้าเปรียบเทียบกับไตรมาส 4 ปี 2565 แล้ว อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นถึง 445% ดีขึ้นตามธุรกิจให้เช่า การขายที่ดินในนิคมอุตสาหกรรม และธุรกิจสาธารณูปโภค

เรโชที่สำคัญอีกตัวหนึ่งคือ อัตรากำไรสุทธิซึ่งอยู่ที่ 25.4% ลดลงจาก 41.7% ในไตรมาสเดียวกันปีก่อน และ 33.9% ในไตรมาสก่อน

หากแยกเป็นรายธุรกิจ พบว่าธุรกิจโลจิสติกส์เติบโตโดดเด่น มีพื้นที่คลังสินค้าภายใต้การถือครองและบริหารทั้งหมด 2,771,151 ตารางเมตร และมีอัตราการเช่าพื้นที่ 90.4%

ด้านธุรกิจนิคมอุตสาหกรรม มียอดขายที่ดินรวม 487 ไร่ แบ่งเป็น ในไทย 379 ไร่ ในเวียดนาม 108 ไร่ อีกทั้งยังมียอดการเซ็น MOU ในทั้ง 2 ประเทศ รวม 753 ไร่ ส่งผลให้ไตรมาส 1 มียอดขายที่ดินรอการโอนกรรมสิทธิ์ (Backlog) ในมือแล้วกว่า 675 ไร่ ซึ่งในปี 2566 นี้ บริษัทตั้งเป้ายอดขายที่ดินไว้ 1,750 ไร่ ซึ่งดูเหมือนว่าน่าจะทำได้อย่างไม่มีปัญหา

สำหรับธุรกิจสาธารณูปโภค ในส่วนของน้ำ มียอดขายและบริหารน้ำทั้งในและต่างประเทศรวม 35 ล้านลูกบาศก์เมตร ขณะที่ไฟฟ้าได้ประโยชน์จากการปรับขึ้นของค่าไฟฟ้าผันแปร (Ft) ในช่วงที่ผ่านมา และต้นทุนก๊าซธรรมชาติที่เริ่มปรับตัว ทำให้ส่วนแบ่งกำไรของโรงไฟฟ้า IPP ของบริษัทร่วมและบริษัทย่อยมีการปรับตัวดีขึ้น

ธุรกิจดิจิทัล บริษัทมุ่งทรานสฟอร์มองค์กรสู่ดิจิทัล เพื่อก้าวสู่การเป็น Technology Company ตามเป้าหมายในปี 2567 โดยได้ดำเนินการปรับเปลี่ยนองค์กรตั้งแต่การวางกลยุทธ์ทางธุรกิจ และทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง เพื่อขับเคลื่อนองค์กรให้มีศักยภาพสู่ยุคดิจิทัล สู่การนำเทคโนโลยีมาสร้างผลิตภัณฑ์และบริการมูลค่าเพิ่มใหม่ ๆ

หากมองไปในไตรมาส 2 ปี 2566 แนวโน้ม WHA ยังดี บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) หยวนต้า (ประเทศไทย) จำกัด คาดกำไรปกติจะเติบโตจากงวดเดียวกันปีก่อน ตามการฟื้นตัวของภาคการผลิตและเม็ดเงินการลงทุนที่เข้ามา แต่ทรงตัวจากไตรมาสก่อน เนื่องจากเป็นโลว์ซีซัน (Low season) ของการโอนที่ดิน อย่างไรก็ตามธุรกิจสาธารณูปโภคจะช่วยหนุนจากทั้งความต้องการน้ำและอัตรากำไรที่เพิ่มสูงขึ้น

โดยมองกำไรหลักทั้งปี 2566 ที่ 3,461 ล้านบาท เติบโต 7% จากงวดเดียวกันปีก่อน รับผลบวกจากการย้าย/ตั้งฐานการผลิตนอกประเทศจีน ส่งผลให้อุปสงค์ที่ดินเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง บริษัทมีลูกค้าที่เซ็นสัญญาจะซื้อที่ดินแล้ว 753 ไร่ คิดเป็น 43% จากเป้ายอดขายที่ดินทั้งปี และอยู่ในช่วงการเจรจากับลูกค้ารายใหญ่กลุ่มยานยนต์อีก 2-3 ราย ขนาดมากกว่า 300 ไร่ต่อดีล

นอกจากนี้ ธุรกิจสาธารณูปโภคในปีนี้จะเติบโตโดดเด่น 10-15% จากปีก่อน เป็นผลจากการปรับขึ้นราคาขายน้ำ อีกทั้งปริมาณความต้องการน้ำกลับสู่ระดับปกติ และลูกค้ารายใหม่มีความต้องการใช้น้ำปริมาณมากขึ้นในกระบวนการผลิต ให้ราคาเป้าหมาย ณ สิ้นปี 2566 ที่ 4.80 บาท อิง P/E ที่ 17.8 เท่า พร้อมคำแนะนำ “ซื้อ”

นับเป็นหุ้นที่มีข่าวดีต่อเนื่องจริง ๆ สำหรับ WHA ส่วนไตรมาส 2 จะสามารถสร้างความประทับใจให้นักลงทุนได้หรือไม่ มารอลุ้นกัน