SET จะผันผวนในกรอบ หลังมีหลายความเสี่ยงที่นักลงทุนต้องติดตาม
ภาพเศรษฐกิจการลงทุนโลกในระยะต่อไปยังมีความเสี่ยงจาก 1.สภาพคล่องที่จะตึงตัวมากขึ้น 2.ภาพตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ยังแข็งแกร่ง 3.ตัวเลขเศรษฐกิจในประเทศอื่น ๆ
InnovestX มองว่า ภาพเศรษฐกิจการลงทุนโลกในระยะต่อไปยังมีความเสี่ยงจาก
(1) สภาพคล่องที่จะตึงตัวมากขึ้น โดยเป็นผลจากการผ่านกฎหมายทำให้กระทรวงการคลังสามารถออกพันธบัตรเพื่อระดมเงินทุนเพื่อเติมเงินคงคลัง ซึ่งการออกพันธบัตรที่เพิ่มขึ้น (ตามการคำนวณของ Bloomberg มองว่าอยู่ที่ระดับ 5 แสนล้านถึง 1 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐ) ภายในเวลารวดเร็วอาจทำให้สภาพคล่องตึงตัวมากขึ้น ทำให้ผลตอบแทนพันธบัตรยังอยู่ระดับสูงต่อเนื่อง
(2) ภาพตลาดแรงงานสหรัฐฯ ที่ยังแข็งแกร่ง ผลจากการจ้างงานภาคบริการ แม้เครื่องชี้ภาคการผลิตจะชะลอลงแล้วก็ตาม ภาพเหล่านี้จะทำให้ดอกเบี้ยนโยบายสหรัฐฯ คงอยู่ในระดับสูง (แม้ว่าจะไม่ปรับเพิ่มขึ้นอีกในการประชุมเดือน มิ.ย. ตามคำกล่าวของว่าที่รองประธานฯ Fed) ซึ่งจะกระทบกับต้นทุนทางการเงินของประชาชนและภาคธุรกิจสหรัฐฯ และ
(3) ตัวเลขเศรษฐกิจในประเทศอื่น ๆ นอกสหรัฐฯ โดยเฉพาะในตลาดเกิดใหม่ เช่น จีนและไทยที่อ่อนแอเกินคาด ซึ่งจะผลักดันให้เงินดอลลาร์แข็งค่า และทำให้เงินสกุลอื่น ๆ อ่อนค่าลง ทำให้เกิดสถานการณ์ Risk-off ต่อเนื่อง ด้านเศรษฐกิจไทย เศรษฐกิจชะลอตัวมากขึ้น แต่คณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) มีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอีก 25bps มาอยู่ที่ระดับ 2.00% และยังคงไม่ปิดประตูการขึ้นดอกเบี้ยต่อ โดยมองว่า เศรษฐกิจยังคงแข็งแกร่งแต่มีความเสี่ยงเงินเฟ้อ อย่างไรก็ตาม InnovestX มองว่าความจำเป็นในการขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายลดลง จากภาพเศรษฐกิจโลก ประกอบกับ ความล่าช้าการจัดตั้งรัฐบาลและผลกระทบเชิงลบจากนโยบายของว่าที่รัฐบาลชุดใหม่ ทำให้ InnovestX มองเศรษฐกิจไทยกำลังเผชิญความเสี่ยงที่มากขึ้น และเชื่อว่าการขึ้นดอกเบี้ยครั้งนี้จะเป็นการขึ้นครั้งสุดท้ายในรอบนี้
ส่วนภาพตลาดหุ้นไทย InnovestX มองว่า ช่วงสั้น SET จะยังเคลื่อนไหวผันผวนในกรอบ และมี Upside จำกัด โดยในส่วนของการประชุมโอเปกพลัสที่จะเกิดขึ้นในวันที่ 4 มิ.ย. นี้ คาดจะมีมติคงกำลังการผลิตน้ำมันเช่นเดิม ซึ่งมองจะเป็น Neutral ต่อบรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทย ขณะที่นักลงทุนจะยังจับตาความเสี่ยงเกี่ยวกับสถานการณ์การจัดตั้งรัฐบาลใหม่ การระบาดรอบใหม่ของโควิด-19 ในจีน และการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลกเป็นสำคัญ ดังนั้นกลยุทธ์ลงทุนจึงแนะนำให้ “Selective Buy” ดังนี้
- หุ้นที่ได้รับผลกระทบจำกัดจาก MOU 23 ข้อที่ 8 พรรคการเมืองร่วมลงนาม เลือก BBL, KTB, KBANK, HMPRO, GLOBAL, BCH, CHG, STANLY, AH, ONEE, HTC และ TNP
- หุ้นที่ InnovestX Research มีการปรับเพิ่ม Rating และ/หรือ ปรับเพิ่มราคาเป้าหมาย เลือก KKP, BJC, OSP
ขณะที่ช่วงสั้นแนะนำหลีกเลี่ยงการลงทุนสำหรับ
1) หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า และกลุ่ม PTT ออกไปก่อน เนื่องจากมีความเสี่ยงหรือความไม่ชัดเจนของโครงสร้างราคาพลังงานจากนโยบายของรัฐบาลชุดใหม่
2) หุ้นที่คาดได้รับผลกระทบอย่างมีนัยสำคัญ จากนโยบายการปรับขึ้นค่าแรงขั้นต่ำของรัฐบาลใหม่ ได้แก่ กลุ่มขนส่งพัสดุ KEX กลุ่มอาหาร CPF, ZEN, GFPT, TU, AU และ CENTEL กลุ่มอสังหาฯ LPN, PSH, SIRI, QH และ AP และกลุ่มอิเล็กทรอนิกส์ HANA, KCE
3) หุ้นที่ราคาขึ้นมาสูงกว่าช่วงโควิด-19 และเราแนะนำ Underperform เลือก AAV, SAWAD, MST และ NRF