หนีเรื่องร้อน..เจอเรื่องหนัก
สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยคงวุ่นวายกับเรื่องร้อน STARK กันอีกพักใหญ่ เพราะเริ่มปรากฏเส้นทางการเงินที่ประหลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ
สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยคงวุ่นวายกับเรื่องร้อน STARK กันอีกพักใหญ่ เพราะเริ่มปรากฏเส้นทางการเงินที่ประหลาดมากขึ้นเรื่อย ๆ และยังมีตัวละครที่เกี่ยวข้องมากมายหลายตัวด้วยกัน “โมนิก้า” จึงขอปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแต่ละฝ่ายออกมาแจกแจงรายละเอียดกันเอาเอง เพราะเรื่องที่เดี๊ยนสนใจคือกระบวนการเข้าสู่แผนฟื้นฟูกิจการใช้เวลานานถึง 2 ปีเลยนะตัวเอง
ตรงนี้แหละที่เป็นตัวบอกให้รู้ว่า คนที่กัดฟันถือหุ้นมีความเชื่อมั่นต่อ “พี่เอ” ค่อนข้างมาก และถึงเวลาที่คุณพี่ต้องออกมาชี้แจงอะไรบางอย่างให้สังคมได้รับรู้ เพราะเรื่องราวมันพัวพันกันไปหมด จนท้ายสุดก็ย้อนกลับมาที่กลุ่มของ TOA แบบดิ้นไม่ออก “โมนิก้า” เลยมองเป็นเรื่องของอารมณ์ และความรู้สึกของนักลงทุน และหนทางเดียวที่จะดับไฟให้มอดสนิท ก็ต้องเอาความจริงมากางให้ทุกคนได้รู้ไงล่ะคะ
เนื่องจากไทม์ไลน์ใหญ่ที่ทุกคนรู้คือ 1-30 มิ.ย. จะเป็นช่วงเวลาของการเปิดให้ซื้อขายชั่วคราว และวันที่ 16 มิ.ย ก็เป็นวันที่ส่งงบตรวจสอบ ปี 65 และสิ่งที่เกิดขึ้นก็คือ ส่วนทุนติดลบ และผู้สอบบัญชีไม่แสดงความคิดเห็น โดยระหว่างทางก็ยังเทรดหุ้นเน่าตัวนี้ได้เรื่อย ๆ ซึ่งเป็นจังหวะที่นักเก็งกำไรต้องตัดสินใจกันเอาเอง “อม” หรือ “คาย” เพราะในวันที่ 1 ก.ค. หุ้นตัวนี้จะถูกขึ้นเครื่องหมาย SP ยาว นะตัวเอง
เรื่องไม่จบเพียงแค่นี้ เพราะในวันที่ 17 ก.ค. จะเป็นวันที่ครบกำหนดส่ง “สเปเชียลออดิท” ซึ่งจะเป็นพายุลูกใหญ่ซัดกระหน่ำอีกดอก และในวันที่ 19 ก.ค. จะเป็นวันที่ต้องแจ้งทางเลือกในการแก้ไขเหตุเพิกถอน และเรื่องนี้มีระยะเวลา 2 ปีที่จะแก้ไขให้มีกำไร และมีส่วนผู้ถือหุ้นเป็นบวก แต่ถ้าครบ 3 ปียังทำไม่ได้ตามข้อกำหนด ก็จะถูกตะเพิดออกจากตลาดหุ้น โดยตลาดฯ จะเปิดให้ซื้อขายรอบสุดท้าย 7 วันทำการนะคะ
ทั้งหมดนี้เป็นไทม์ไลน์ที่นักลงทุนควรทราบคร่าว ๆ เพื่อนำไปประยุกต์เข้ากับสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งมันเกี่ยวพันถึงหุ้น TOA ที่เซถลาเป็นนกปีกหักลงมาปิดที่ระดับ 26.25 บาท ลบไป 4.75 บาท หรือลงไป 15.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 766 ล้านบาท มันเป็นเรื่องราวที่สะท้อนถึงความกังวลที่มีต่อตระกูล “ตั้งคารวคุณ” ได้อย่างชัดเจน และประเด็นร้อนดังกล่าวจะตามหลอกหลอนไปอีกพักใหญ่นะจะบอกให้
เม้าท์ถึงเรื่องความกังวลขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” มักมองไปที่พ่อดอกมะลิ JAS เป็นประจำ เพราะกลายสภาพเป็นหุ้นขี้โรค จนมองไม่เห็นหนทางที่จะเยียวยาให้กลับมาดีดั่งเดิม แถมทุกครั้งที่หันมามองทีไร ราคาหุ้นก็ไหลลงเป็นประจำ และพร้อมที่จะทำโลว์ใหม่ตลอดเวลา จึงอยากถามแฟนคลับว่า การลงมายืนปิดที่ระดับ 1.29 บาท ลบไป 0.06 บาท หรือลงไป 4.45% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 45 ล้านบาท โดยมีโลว์เก่าอยู่ที่ระดับ 1.16 บาทแบบนี้..น่าสะพรึงไหม?
ส่วนหุ้นดาวดับที่กลับมาเป็นขี้ปากชาวหุ้นอีกคำรบ คงต้องมองไปยังหุ้นที่มีวอลุ่มโป่งผิดสังเกตอย่าง META เป็นรายถัดมาอย่างรวดเร็ว เพราะร้อยวันพันปีไม่เคยได้รับความสนใจอะไรทั้งนั้น จู่ ๆ วานนี้ถูกถล่มขายตั้งแต่เช้าจรดเย็น ก่อนที่หุ้นจะยืนปิดที่ระดับ 0.16 บาท ลบไป 0.04 บาท หรือลงไป 20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 22 ล้านบาท มันชวนให้คิดว่า ข้างในบริษัทมีอะไรผิดปกติหรือเปล่า?..น้องโมกลัวจริง ๆ เจ้าค่ะ
ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น PRTR ขึ้นมาทันที เพราะตามเนื้อผ้าต้องยอมรับว่า นี่เป็นธุรกิจที่ทำเงินได้ค่อนข้างดี และมีนักลงทุนชื่อดังถือหุ้นไว้เยอะ แต่ราคาหุ้นกลับร่วงสามวันติด ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 5.90 บาท ลบไป 0.65 บาท หรือลงไป 9.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 51 ล้านบาท พร้อมกับทำ all time low ท่ามกลางการเทรดหุ้นบน PE 19 เท่าแบบนี้ มันเป็นจังหวะที่น่าทยอยเก็บเมื่อย่อตัวลงอีก..จริงหรือไม่ ลองไปคิดกันดูนะจ๊ะ
ปิดท้ายกันที่หุ้น PROEN เพื่อชี้ให้เห็นการลงมาทำ all time low ด้วยการยืนปิดที่ระดับ 4.22 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 4.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 36 ล้านบาท คงเป็นผลมาจากความผิดหวังในหลายเรื่องด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของคริปโตที่ไม่มาตามนัด หรือเรื่องของผลงานไตรมาส 1 ที่ดันมีตัวแดง ล้วนเป็นแรงกดดันที่ทำให้นักเล่นต้องขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยง หุ้นเลยตกอยู่ในสภาพขาลงเต็มตัวนะคะ