พาราสาวะถี
เกิดอาการเมาหมัดจากความพ่ายแพ้เลือกตั้งอย่างหมดรูป หรือทำเป็นลืมกำพืดตัวเองว่าได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศมาอย่างไร
เกิดอาการเมาหมัดจากความพ่ายแพ้เลือกตั้งอย่างหมดรูป หรือทำเป็นลืมกำพืดตัวเองว่าได้ตำแหน่งนายกรัฐมนตรีของประเทศมาอย่างไร ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ จึงตอบคำถามนักข่าวต่อการเตรียมส่งงานให้รัฐบาลใหม่ว่า ไม่เห็นใครมาส่งมอบให้ตนในการรับตำแหน่งทั้งสองครั้ง ทั้งที่หนแรกไปยึดอำนาจเขามา แล้วจะมีใครหน้าไหนมาส่งมอบงานให้ ส่วนครั้งที่สองก็เป็นการสืบทอดอำนาจจากรัฐบาลเผด็จการของตัวเอง หรือคิดว่าจะต้องส่งมอบงานของตัวเองให้ตัวเองด้วย ปสด.ไปกันใหญ่
คงอย่างที่ ปริญญา เทวานฤมิตรกุล อาจารย์ประจำภาควิชากฎหมายมหาชน คณะนิติศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ โพสต์เตือนสติผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ “นี่ไม่ทราบว่า ท่านบ่นว่าคนอื่นไปเรื่อยโดยไม่รู้ตัวว่ากำลังว่าตัวเองอยู่หรืออย่างไร! ท่านอยู่ในอำนาจนานจนจำไม่ได้เลยเหรอครับว่า ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีด้วยการยึดอำนาจ และตลอดเวลากว่า 9 ปีที่ผ่านมา ท่านเป็นนายกรัฐมนตรีอยู่คนเดียวเลยนะครับ”
ที่ต้องต่อท้ายกับคำถามของปริญญาก็คือ ไม่ใช่ไม่รู้แต่ไม่กล้าที่จะบอกว่าตัวเองเป็นนายกฯ มานานกว่า 9 ปีแล้ว เพราะผลงานมันไม่มี ไม่เป็นที่ประทับใจของประชาชน ยิ่งมีผลการเลือกตั้งเป็นเครื่องการันตีความล้มเหลวในการทำงานของขบวนการสืบทอดอำนาจด้วยแล้ว มันยิ่งทำให้ขายขี้หน้าไปกันใหญ่ แต่อาจจะไม่ใช่แบบนั้นเสียทีเดียว เพราะผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจยังวางท่าเหมือนว่าตัวเองมีอำนาจเหนือทุกองคาพยพ ด้วยการเหน็บ ส.ส.ทั้งหลายว่าขอให้อยู่กันให้ครบก็แล้วกัน เพราะหลายคนอาจมีปัญหาบ้างอะไรบ้าง
เหมือนจะส่งสัญญาณเป็นนัยว่า 82 ส.ส.ที่ กกต.บอกว่ามีเรื่องร้องเรียน อาจจะถูกสอยแล้วทำให้พรรคของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจมีความหวัง มันก็จะแสดงให้เห็นถึงการไม่ยอมรับความพ่ายแพ้ และสะท้อนให้เห็นถึงสปิริตทางการเมืองที่หาไม่ได้จากผู้ที่ได้อำนาจมาจากปลายกระบอกปืน ผิดกับพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ที่ให้ ธรรมนัส พรหมเผ่า ไปรับหนังสือรับรองจาก กกต.แทน แล้วไปรายงานเป็น ส.ส.ที่รัฐสภาด้วยตัวเอง ไม่ต้องให้มีใครมาพยุงเดิน คนที่ใช้ใจบันดาลแรงแสดงให้เห็นว่าพร้อมเป็นนักการเมืองเต็มตัวแบบเต็มใจ ไม่ได้อ้างตัวว่าเป็นนักการเมืองเพียงเพื่อต้องการอยู่ยาวเพียงอย่างเดียว
อย่างไรก็ตาม บอกไปแล้วว่าสูตรตั้งรัฐบาลนาทีนี้ยืนพื้นด้วย 8 พรรคร่วมที่ได้ลงนามในเอ็มโอยูร่วมกันไว้แล้ว รายทางยังต้องมีการเจรจากันตลอดเวลาเพื่อวางทางหนีทีไล่กรณีวันโหวตเลือกนายกฯ ไม่สามารถที่จะดัน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ให้ผ่านด่าน 376 เสียงจากการโหวตหนุนของ ส.ว.ลากตั้งได้ จะต้องมีแผนสอง แผนสามไว้รองรับ ดังนั้น ข่าวที่เล็ดลอดออกมาว่าพรรคแกนนำอย่างก้าวไกลไปเปิดดีลกับอาจารย์ใหญ่ของภูมิใจไทยคือ เนวิน ชิดชอบ แม้จะมีการปฏิเสธกันมาแล้ว แต่เชื่อได้ว่าน่าจะมีมูล
ต้องไม่ลืมว่าด้วย 71 เสียงของพรรค อนุทิน ชาญวีรกูล นั้น มันทำให้ฝ่ายการเมืองสามารถที่จะปิดสวิตช์ ส.ว.ลากตั้งได้ทันที เพียงแต่ว่าระยะนี้จะต้องตั้งการ์ดสูงกันไว้ทั้งสองฝ่ายก่อน ซึ่งการเมืองว่าด้วยเรื่องข่าวเสี้ยมในห้วงเวลาแบบนี้จะมีให้ได้ยินได้ฟังกันเป็นระยะ ไม่ต่างกับข่าวที่ว่าพรรคสืบทอดอำนาจเตรียมจะชงชื่อ “ตี๋กร่าง” สุชาติ ตันเจริญ จากพรรคเพื่อไทยให้ชิงเก้าอี้ประธานสภากับคนจากก้าวไกล ไม่ต้องมองอะไรให้ซับซ้อน นี่คือการยุแยงให้สองพรรคแกนนำเกิดความบาดหมาง
แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ในความเป็นจริงคนในพรรคสืบทอดอำนาจและภูมิใจไทย ต่างรู้กันดีว่าระดับนำของพรรคมีการขยับตัวกันแบบไหน ภายใต้สถานการณ์ทางการเมืองที่ 8 พรรคเสียงข้างมากยังไม่สามารถบรรลุเป้าหมายที่จะหาเสียงมาหนุนให้พิธาเป็นนายกฯ ได้สำเร็จ ดังนั้น สูตรดึงเฉพาะพรรคใดพรรคหนึ่งเข้าร่วมจึงยังคงเป็นไปได้ทั้งนั้น ขึ้นอยู่กับว่าจะเกิดปรากฏการณ์พลิกคว่ำพลิกหงายของพรรคลากตั้งหรือไม่ หลังจากที่ กกต.เล่นบทรับรองไปก่อนสอยทีหลัง มันทำให้เกมที่วางไว้ขยับตัวกันยาก
จากที่เดิมทีหากฝ่ายเสียงข้างมากมี ส.ส.โดนแขวน กระบวนการโหวตเลือกนายกฯ อาจจะสามารถหาเหตุที่จะทำให้เสียงของ ส.ว.เป็นเอกภาพด้วยการหนุนคนอยากอยู่ยาว พร้อมกับการเดินเกมแจกกล้วยอุตลุด แต่เมื่อแผนแตก วิชามารว่าด้วยหุ้นไอทีวีของพิธาก็ทำท่าว่าจะล่มไม่เป็นท่า มันจึงทำให้เกิดอาการเลิ่กลั่กของ ส.ว.ที่มีคนหนุนหลังซึ่งไม่ใช่สายของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ ต้องเงี่ยหูฟังคนกุมบังเหียนจะชี้ไปในทิศทางไหน กลายเป็นว่าก็มีการต่อรองด้วยเงื่อนไขพิเศษอีกแบบหนึ่ง เพียงแต่ว่าทางฝ่ายพรรคแกนนำรัฐบาลและตัวแทนพรรคที่ไปเจรจาไม่เซย์เยส
เนื่องจากกลัวจะเป็นแผนซ้อนแผน ที่สุดท้ายจะถูกนำมาตลบหลังทำให้กระบวนการตั้งรัฐบาลของฝ่ายประชาธิปไตยเสียหาย การเปิดโต๊ะเจรจากับฝ่ายการเมืองด้วยกันเองจึงสะดวกและสบายใจมากกว่า การยอมเป็นไอ้เสือถอยของเพื่อไทยต่อเก้าอี้ประธานสภาฯ ก็เพื่อให้กระบวนการเดินหน้าตั้งรัฐบาลไม่สะดุด และไม่ใช่แค่ต่อรองของสองเก้าอี้รองประธานสภาฯ เท่านั้น มันยังหมายความไปถึงพรรคอันดับ 1 ต้องพร้อมที่จะเปิดใจรับพรรคการเมืองอื่นเข้ามาร่วมด้วย หากการโหวตเลือกนายกฯ มีปัญหา โดยแนวทางนี้แคนดิเดตยังคงเป็นพิธาเหมือนเดิม เพียงแต่ว่าก้าวไกลต้องยอมลดการ์ดที่ตั้งสูงลงมาก่อน
ก่อนหน้าทำท่ากระบวนการจัดตั้งรัฐบาลและโหวตเลือกพิธาเป็นนายกฯ น่าจะเป็นโจทย์ยาก คงจะมีการยื้อยุดฉุดรั้งกันอย่างเต็มที่ พลันที่ กกต.ประกาศรับรอง ส.ส.ทั้งหมดโดยไม่มีการกั๊กไว้แม้แต่รายเดียว ทำให้คนที่ยังมีความหวังถึงกับผรุสวาท “ทำแบบนี้ได้ไงวะ” นี่เป็นอาการของพวกที่เริ่มตาสว่าง เหมือนกับที่เปลี่ยนสโลแกนของ กกต.ในวันสถาปนาครบรอบ 25 ปี หวยออกกันแบบนี้จากที่ไม่ยอมขยับก้นจากทำเนียบฯ เผื่อเกมพลิก ผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจจึงได้สั่งให้ลิ่วล้อทยอยเก็บของทันที
พิจารณาไทม์ไลน์ตามกรอบของกฎหมายแล้ว การเลือกนายกฯ น่าจะจบได้ไม่เกินกลางเดือนหน้า บัดนั้นก็ถึงเวลาที่จะได้ส่งคนอยากอยู่ยาวกลับบ้าน ส่วนผู้ร่วมขบวนการสืบทอดอำนาจที่ยังมีตำแหน่งแห่งหนทั้งทางการเมืองและในส่วนราชการต้องหาที่หมายใหม่ นักเลือกตั้งเป็นประเภทพลิกพลิ้วได้หลายตลบอยู่แล้ว พวกที่จะกลับตัวลำบากคือข้าราชการสอพลอทั้งหลาย ประเภทข้ามหัวข้ามห้วยต่างพากันคอตก พวกใกล้เกษียณหลายรายอาจจะมีตำแหน่งสุดท้ายที่ไม่ต้องการก่อนอำลาชีวิตราชการ บางรายอาจต้องไขก๊อกก่อนเวลา ใหญ่โตคับฟ้ามากว่า 9 ปีได้เพราะเชลียร์อย่างเดียว