กระเป๋าฉีก?
วานนี้ "โมนิก้า" มีโอกาสได้นั่งอ่านเรื่องเม้าท์เก่า ๆ ที่เคยขีดเขียนไว้เมื่อ 1-2 ปีก่อน ในที่สุดเหตุการณ์ต่าง ๆ เวียนมาบรรจบโดยไม่ได้นัดหมาย
วานนี้ “โมนิก้า” มีโอกาสได้นั่งอ่านเรื่องเม้าท์เก่า ๆ ที่เคยขีดเขียนไว้เมื่อ 1-2 ปีก่อนคร่าว ๆ ในที่สุดก็พบว่า เหตุการณ์ต่าง ๆ เวียนมาบรรจบโดยไม่ได้นัดหมายหลายเรื่อง และบางข้อเขียนที่มีการจั่วหัวไว้แบบดุดัน ก็บังเอิญเหมือนกันเด๊ะ ๆ อีกต่างหาก หรือแม้กระทั่งเนื้อหาข้างในบทความ ก็เหมือนกันอีกเช่นกัน จึงอนุมานได้ทันทีว่า กระบวนการทางความคิดของนักลงทุนส่วนใหญ่ยังวนเวียนในรูปแบบเดิม ๆ นะจะบอกให้
ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้การเดินหน้าของดัชนีเป็นไปด้วยความยากลำบาก เพราะตัวแปรที่บั่นทอนความมั่นใจในการลงทุนยังผุดเป็นดอกเห็ด “โมนิก้า” เลยมองว่า ถือเป็นบุญหัวที่ดัชนียังสามารถยืนเหนือ 1,500 จุดได้อีกหนึ่งวัน และการที่ดัชนียืนปิดในระดับ 1,509.31 จุด ลบไป 12.81 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.68 หมื่นล้านบาท ย่อมทำให้นักเล่นบางส่วนอยากเข้าไปตะลุมบอนช่วงสั้น ๆ เพื่อหาค่าขนมนะจ๊ะ
ถามว่าแนวการเล่นแบบนี้..ผิดไหม? เดี๊ยนตอบได้ทันทีว่า ไม่ผิดอย่างแน่นอน เพราะมันเป็นรูปแบบที่เข้ากับบรรยากาศตลาดหุ้นมากสุด และที่ผ่านมาก็เล่นกันแบบนี้กันเป็นปี “โมนิก้า” ถึงไม่วอรี่อะไรมากมายเมื่อเห็นหุ้นหลายตัวทรุดลงหนัก เพราะมองว่า มันเป็นเงินของนักเล่น..ไม่ใช่เงินของอีฉัน และทุกคนที่กระโจนเข้ามาลุยสมรภูมินี้ ก็พร้อมกับที่จะเผชิญกับเหตุการณ์กระเป๋าฉีกไงล่ะคะ
ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น CPALL ขึ้นมาทันที เพราะเป็นหุ้นที่มาพร้อมกับสตอรี่โกรท แต่สุดท้ายก็ทำได้แค่เพียงวนไปวนมาบนกรอบ 60-65 บาทนานถึง 4 เดือน เดี๊ยนเลยไม่แปลกใจที่วานนี้ราคาหุ้นทรุดตัวลงมาปิดที่ระดับ 62 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือลงไป 2% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.23 พันล้านบาท เพราะเกมหุ้นมันถูกบังคับให้เล่นแนวนี้มาตั้งแต่แรก เลยไม่มีใครกล้าแหยม (กลัวโดนสาดใส่) เจ้าค่ะ
ส่วนรายที่อาการน่าเป็นห่วงกว่าใครเพื่อน เพราะราคาเอาแต่มุดหัวลงลูกเดียว คงต้องมองไปยังน้องดิ๊ฟ DIF ซึ่งโดนกระหน่ำขายตั้งแต่เช้าจรดเย็น ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 10.80 บาท ลบไป 1.20 บาท หรือลงไป 10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.97 พันล้านบาท มันน่าจะเกี่ยวข้องโดยตรงกับกำไรไตรมาส 2 ส่อแววลดลง ซึ่งจะกระทบโดยตรงกับความสามารถในการจ่ายปันผล ส่วนจะจริงเท็จขนาดไหน? ต้องรอสถานเดียวจ้า!
ขนาดนายห้างขายยา MEGA ที่ใคร ๆ ก็พูดเป็นเสียงเดียวกันว่า ผลงานดีเสมอต้นเสมอปลาย และเป็นหุ้นความหวังของหมู่บ้าน ก็ยังถูกรินขายออกมาเรื่อย ๆ จนวานนี้โดนทุบพรวดเดียวลงมากองอยู่ที่ 35.50 บาท ลบไป 3 บาท หรือลงไป 7.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 629 ล้านบาท “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นเหตุการณ์ที่ผิดปกติ และชวนให้สงสัยว่า น่าจะมีอะไรบางอย่างแบบนี้..หุ้นมีสิทธิ์ลงต่อค่ะ
ในเมื่อทุกอย่างดูไม่โอเคสักอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องการเมืองที่ยังระอุ และเศรษฐกิจซบเซาลงเรื่อย ๆ เลยเป็นเหตุให้หุ้น CHAYO ถูกรินขายออกมาตั้งแต่ต้นสัปดาห์ และมาโดนจัดหนักอีกทีวานนี้ ส่งผลให้ราคาหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 6.45 บาท ลบไป 0.60 บาท หรือลงไป 8.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 95 ล้านบาท พร้อมกับทำโลว์ในรอบ 2 ปี 6 เดือนแบบนี้ มันอาจลงมากเกินไปในมุมของแวลู แต่ในความรู้สึกของคนเล่นอาจยังลงได้อีก เพราะบรรยากาศตลาดไม่ดีเลยพับผ่าสิ!
อีกหนึ่งตัวอย่างที่ตอกย้ำความรู้สึกได้ค่อนข้างดี “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น SJWD เพื่อชี้ให้เห็นการผนึกกำลังเป็นเรื่องที่ดี แต่ในมุมของนักเล่นมันไม่อินเลยพ่อคุณ ราคาหุ้นถึงไหลจากยอด 22 บาทลงมาเรื่อย ๆ จนวานนี้ยืนปิดที่ระดับ 16.50บาท ลบไป 0.60 บาท หรือลงไป 3.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 104 ล้านบาท เหมือนเป็นการย้ำหัวหมุดให้นักเล่นได้รู้ว่า เมื่อใดที่นักลงทุนสถาบันไม่พร้อม หุ้นก็มีสิทธิ์ไหลอีกนะคะ
ปิดท้ายกันที่ของโหดอย่าง TBN กันดีกว่า เพราะเป็นหุ้นที่เปิดตัวอย่างอลังการงานสร้างในวันแรก และทุกคนต่างซูฮกในความยอดเยี่ยมกระเทียมดอง แต่ถัดมาอีกวันดันกลายเป็นหนังคนละม้วน พร้อมกับมีเสียงร่ำลือให้แซ่ดทุ่งหญ้าเลี้ยงกระบือว่า ผู้สาวอ้วนเป็นคนอยู่เบื้องหลังการทุบแบบโหดขั้นเทพ (หุ้นขึ้นไปทำไฮที่ 45.25 บาท) จึงไม่ต้องแปลกใจที่วานนี้หุ้นทรุดลงมายืนปิดที่ 18.10 บาท ลบไป 2.70 บาท หรือลงไป 13% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.17 พันล้านบาท และเมื่อเทียบกับไอพีโอ 25 ล้านหุ้น ในราคาหุ้นละ 17 บาท ผู้สาวขนหุ้นไหนมาขายเจ้าค่ะ