จับสัญญาณหนี้เสียกับผลต่อ AEONTS

ปัญหาหนี้เสียที่ส่งสัญญาณเพิ่มสูงขึ้น ทำให้มีความกังวลต่อบริษัทผู้ให้บริการปล่อยสินเชื่อ เนื่องจากสถานการณ์รายได้ที่ไม่สอดคล้องกับรายจ่าย


เส้นทางนักลงทุน

ปัญหาหนี้เสียที่ส่งสัญญาณเพิ่มสูงขึ้น ทำให้มีความกังวลต่อบริษัทผู้ให้บริการปล่อยสินเชื่อ เนื่องจากสถานการณ์รายได้ที่ไม่สอดคล้องกับรายจ่ายและแรงกดดันจากแนวโน้มอัตราดอกเบี้ยที่ปรับตัวสูงขึ้น เป็นหนึ่งในปัจจัยสำคัญที่ส่งผลกระทบต่อความสามารถในการชำระหนี้ของลูกหนี้

ในฐานะที่บริษัท อิออน ธนสินทรัพย์ (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ AEONTS หนึ่งในผู้ให้บริการธุรกิจสินเชื่ออุปโภคบริโภคชั้นนํา โดยให้บริการสินเชื่อส่วนบุคคล สินเชื่อบัตรเครดิต และสินเชื่อเช่าซื้อ (รถจักรยานยนต์, รถมือสอง, เครื่องใช้ไฟฟ้า)

มีโครงสร้างสินเชื่อ ประกอบด้วย สินเชื่อส่วนบุคคล 50%, สินเชื่อบัตรเครดิต 43% และสินเชื่อเช่าซื้อ 7% ขณะที่มีส่วนแบ่งตลาดประมาณ 9% ในส่วนของสินเชื่อบัตรเครดิต และ 11% ในส่วนของสินเชื่อส่วนบุคคล ทั้งนี้ AEONTS มีบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจสินเชื่ออุปโภคบริโภคในประเทศกัมพูชา ลาว และเมียนมานั้น มีโอกาสมากน้อยแค่ไหนที่ AEONTS อาจจะได้รับผลกระทบจากปัญหาหนี้เสียด้วย

จากการสำรวจมุมมองของโบรกเกอร์ พบว่าบริษัทหลักทรัพย์ (บล.) ดาโอ (ประเทศไทย) ได้ปรับมุมมองที่มีต่อ AEONTS โดยปรับคำแนะนำลงเป็น “ถือ” จากเดิม “ซื้อ” แต่คงราคาเป้าหมายที่ 210 บาท อิงคาดการณ์ปี 2567 ให้เหตุผลเพราะกำไรปกติไตรมาส 1 ปี 2567 (มี.ค.-พ.ค. 2566) มีแนวโน้มออกมาต่ำกว่าคาดการณ์เดิมที่เคยประเมินว่าจะขยายตัวจากไตรมาสก่อน และผลการดำเนินงานที่จะยังไม่ดีขึ้นในเร็ววัน

โบรกเกอร์รายนี้ประเมินกำไรปกติไตรมาส 1 ปี 2567 (มี.ค.-พ.ค. 2566) ซึ่งบริษัทจะแจ้งออกมาในระยะเวลาไม่นานนี้ ไว้ที่ 701 ล้านบาท ลดลง 31% เมื่อเปรียบเทียบกับงวดเดียวกันปีก่อน และลดลง 11% จากไตรมาสก่อน (ไม่รวมกำไรจากการขายหนี้เสียในไตรมาส 1 ปี 2566 และขาดทุนจากการด้อยค่าทรัพย์สินในไตรมาส 4 ปี 2566)

สาเหตุที่กำไรปกติหดตัวจากทั้งงวดปีก่อนและไตรมาสก่อน เป็นผลมาจากค่าใช้จ่ายสำรองที่เพิ่มขึ้น 32% เมื่องวดเดียวกันปีก่อน และเพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน หรือคิดเป็นต้นทุนเครดิต (credit cost) ที่เพิ่มขึ้นเป็น 8.80% เพื่อรองรับการตัดจำหน่าย และหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ที่สูงขึ้นเป็น 5.9% (ไตรมาส 1 และไตรมาส 4 ปี 2566 เท่ากับ 5.3% และ 5.7% ตามลำดับ)

ขณะที่ กำไรก่อนค่าใช้จ่ายสำรอง (PPOP) ยังทรงตัวจากงวดปีก่อนและไตรมาสก่อน ที่ 2.98 พันล้านบาท เพราะสินเชื่อทรงตัวตามความเข้มงวดที่สูงขึ้นในการปล่อยสินเชื่อลูกหนี้ใหม่ในช่วงที่เศรษฐกิจและการเมืองยังไม่แน่นอน

รวมทั้งส่วนต่างรายได้ (Interest spread) ปรับตัวลงเล็กน้อยจากไตรมาส 4 ปี 2566 ที่ติดลบ 0.10% เนื่องจากต้นทุนทางการเงินเพิ่มขึ้น และต้นทุนต่อรายได้ (cost to income) ลดลงเป็น 36% (ไตรมาส 1 และไตรมาส 4 ปี 2566 เท่ากับ 38% และ 37% ตามลำดับ) ตามค่าใช้จ่ายทางการตลาดในการหาลูกหนี้ใหม่ที่ลดลง

บล.ดาโอ ยังคงกำไรปกติปี 2567 ที่ 3.6 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 5% เมื่อเทียบกับงวดปี 2566 แต่ระยะสั้นประเมินว่าผลการดำเนินงานระยะสั้นไตรมาส 2 ปี 2567 จะทรงตัวจากงวดเดียวกันปีก่อน แต่เพิ่มขึ้นจากไตรมาสก่อน เพราะการรับรู้กำไรจากการขายหนี้เสีย และรายได้หนี้สูญรับคืนที่เพิ่มขึ้น ตามมูลหนี้ที่สูงขึ้น และจำนวนวันหยุดที่น้อยลง ทำให้บริษัทสามารถติดตามหนี้ได้มากขึ้น

คาดสินเชื่อที่ขยายตัว 5% เมื่อเทียบงวดปีก่อน จะเป็นการขยายตัวในช่วงครึ่งหลังของปี 2567 จากความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจเป็นช่วงซีซั่นของธุรกิจ ทั้งสินเชื่อบัตรเครดิต สินเชื่อส่วนบุคคล และการเมืองที่ดีขึ้น ทำให้เชื่อมั่นในคุณภาพและความสามารถในการจ่ายชำระหนี้ของลูกหนี้ รวมทั้งคุณภาพสินเชื่อที่สามารถบริหารจัดการ

นอกจากนี้ cost to income ปรับตัวลงกว่า 6% ตามการปรับขนาด และลดจำนวนสาขา ขณะที่ต้นทุนทางการเงินจะเพิ่มขึ้น 0.30% และ NPL ที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นเล็กน้อยที่ 5.8%

อย่างไรก็ตาม กำไรปกติไตรมาส 1 ปี 2566 คิดเป็นเพียง 19% ของประมาณการทั้งปี จึงมีแนวโน้มที่อาจจะปรับประมาณการกำไรปกติลง จากสินเชื่อที่จะขยายตัวต่ำกว่าคาด ตามความเข้มงวดในการปล่อยสินเชื่อที่มากขึ้น รวมทั้ง NPL ที่มีโอกาสปรับตัวขึ้นในช่วงปลายผลการดำเนินงานปี 2567 จากการปรับขึ้นอัตราการจ่ายชำระขั้นต่ำของบัตรเครดิตจาก 5% เป็น 8% ซึ่งปัจจุบันบริษัทมีลูกหนี้ที่จ่ายชำระหนี้บัตรเครดิตมากกว่า 80%

ในช่วง 3 เดือนที่ผ่านมา อัตราผลตอบแทนจากราคาหุ้น AEONTS ย้อนหลัง ปรับตัวดีขึ้น 14.08% หากนับตั้งแต่ต้นปี 2566 ปรับตัวดีขึ้น 6.87%

ปัจจุบันราคาหุ้นเคลื่อนไหวระดับ 190-192 บาท ยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยราคาเป้าหมายที่โบรกเกอร์จำนวน 10 ราย ให้ไว้ที่ 218.70 บาท จากราคาสูงสุด 248 บาท และต่ำสุด 200 บาท

สำหรับ AEONTS ยังคงมีปัจจัยบวกอยู่จากความคาดหวังต่อการใช้จ่ายผ่านบัตรเครดิตที่ดีขึ้น และโอกาสที่ AEONTS จะเข้าเทรดในกลุ่ม SET100 ช่วงครึ่งหลังของปี 2566

Back to top button