เผือกร้อน กลต.
ช่วงนี้ดูเหมือนอาการ “พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก” จะมาเยือน ก.ล.ต. อยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภายในที่ยังมีปัญหาคาใจผู้ที่เกี่ยวข้อง
ช่วงนี้ดูเหมือนอาการ “พระศุกร์เข้า พระเสาร์แทรก” จะมาเยือนสำนักงาน ก.ล.ต. อยู่บ่อยครั้ง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องภายในที่ยังมีปัญหาคาใจผู้ที่เกี่ยวข้อง หรือแม้กระทั่งเรื่องภายนอกที่ต้องเร่งดำเนินการสะสางให้เร็วสุด ล้วนเป็นชนวนเหตุที่ทำให้ผู้คนมากมายสงสัยในขีดความสามารถองค์กร พร้อมกับมีเสียงร่ำลือถึงเหตุการณ์สมองไหลอันเป็นผลมาจากแนวทางการบริหารงานของ “เจ๊รื่น” ซึ่งเป็นอดีตเลขาธิการฯ คนก่อนอีกด้วยนะจ๊ะ
ประเด็นดังกล่าวถูกกระพือให้เป็นข่าวอีกครั้งเมื่อ “ดร.วิรไท” อดีตผู้ว่า ธปท. ออกมาโพสต์เฟซบุ๊กในทำนองว่า “ไม่รู้ว่าอีกนานแค่ไหนกว่าจะได้เลขาฯ ก.ล.ต. คนใหม่ บางข่าวก็บอกว่าอาจจะมีการล้มกระดานสรรหาใหม่ กระบวนการสรรหาที่ไม่ชัดเจนแบบนี้ น่ากังวลว่าถ้าเปิดสรรหาใหม่ คนดี ๆ คนเก่ง ๆ คงคิดหนักไม่อยากมาสมัคร” มันเป็นเรื่องที่เจ็บจี๊ด และสะเทือนไปถึงบอร์ดเต็ม ๆ นะจะบอกให้
โดยสิ่งที่ด็อกเตอร์ก็พยายามเน้นย้ำให้คนในแวดวงตลาดเงินตลาดทุนได้รู้ก็คือ “ยิ่งได้ เลขาฯ ก.ล.ต. ช้าเท่าไหร่ การแก้ไขเรื่องสำคัญหลายอย่างในตลาดทุนก็คงช้าออกไปเรื่อย ๆ ช่วงสี่ห้าปีที่ผ่านมา ก.ล.ต. ก็ดูจะอ่อนแรงไปมากเพราะมีผู้บริหารและพนักงานจำนวนมากลาออก” พร้อมกับทิ้งท้ายว่า “ธรรมาภิบาลและความโปร่งใสในตลาดทุนคงจะเกิดขึ้นได้ยาก ถ้าความโปร่งใสของกระบวนการสรรหาผู้บริหารสูงสุดของหน่วยงานกำกับดูแลตลาดทุนยังไม่ชัดเจน” เจ้าค่ะ
ตรงนี้เป็นเรื่องที่ “โมนิก้า” เคยเม้าท์ให้ฟังมาร่วมเดือนว่า ทุกอย่างถูกส่งไปยัง ก.คลัง ซึ่งมีหัวเรือใหญ่ที่ชื่อ “อาคม” คอยกำกับดูแล แต่พ่อเฒ่ารายนี้กลับไม่เซ็นแต่งตั้งเลขาฯ ก.ล.ต. เสียที! ทั้งที่ตอนนั้นมี “วรัชญา-พรอนงค์” ที่ผ่านกระบวนการคัดเลือกอย่างเป็นทางการ แถมคนในแวดวงต่างยอมรับในความสามารถของทั้งคู่ แต่ผู้มีอำนาจเซ็นแต่งตั้งดันใช้วิธีเตะถ่วง และไปเซ็นแต่งตั้งบอร์ดแทนแบบนี้..มันใช้ได้เหรอพ่อคุณ!
งานนี้เลยมีเสียงนินทาลับหลังตามมาติด ๆ และมีการโยงใยดีลลับของขบวนการที่ต้องการล้มกระดานแต่งตั้งเลขาฯ ก.ล.ต. กันอย่างสนุกสนาน โดยเฉพาะในรายของ รมว.คลัง ต้องออกมาให้ความกระจ่างของเรื่องนี้สักที! เพราะคนทำงานส่วนใหญ่มองเห็นความเอียงกระเท่เร่มันมากขึ้นทุกที “โมนิก้า” จึงขอบอกเล่าพ่อเฒ่าด้วยความหวังดีว่า คนในองค์กรเขารู้ดีไผเป็นไผ..แค่พ่อเฒ่าอ้าปาก ก็เห็นลำไส้มีกี่ขดแล้วจ้า
ส่วนอีกเรื่องที่ยังเป็นเผือกร้อนของ ก.ล.ต. ก็หนีไม่พ้นหุ้นฉาว STARK ซึ่งสร้างผลกระทบที่รุนแรงแก่ 11 หน่วยงาน หรือเรียกเป็นภาษาชาวบ้านก็คือ ถูกต้มทั้งอำเภอ! และเผยให้เห็นด้านมืดของตลาดทุนมีอยู่จริง ซึ่งทุกฝ่ายกำลังช่วยกันล้อมคอกไม่ให้ปัญหาแบบนี้เกิดขึ้นอีก แต่สุดท้ายก็จะเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้ขึ้นอีกอยู่ดี (คนที่คิดจะโกงคนอื่น มันก็หาทางโกงทุกวิธี)..เชื่อสิ!
วันนี้จึงต้องยอมรับความจริงที่ว่า โอกาสที่ผู้เสียหายจะได้รับการเยียวยาค่อนข้างริบรี่ ซึ่งดูได้จากเหตุการณ์เก่า ๆ ที่เคยมีการโกง ก็ยังไม่มีใครได้รับการเยียวยาแบบจัดเต็มสักราย “โมนิก้า” เลยหวังแค่เพียงลากคอคนโกงมาลงโทษให้ได้เสียที เพราะคนก๊วนนี้มันเลือดเย็นสุด ๆ และไม่เกรงกลัวกฎหมาย จึงอยากให้ทุกหน่วยงานช่วยกันกระชากหน้ากากคนที่อยู่เบื้องหลังออกมาให้เร็วสุดพะย่ะค่ะ
ส่วนบรรยากาศของตลาดหุ้นไทยก็เลวร้ายกว่าที่คิดไว้มาก เพราะดัชนีดันไม่เด้งกลับเหมือนรอบก่อน ๆ ซึ่งเป็นผลมาจากหุ้นรายตัวมีข่าวร้ายถาโถมเข้าใส่ไม่หยุดหย่อน และมีข่าวลือเม้าท์มอยกันไม่หยุดหย่อน วานนี้ถึงเห็นดัชนีรูดลงมายืนปิดที่ระดับ 1,485.32 จุด ลบไป 20.20 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.01 หมื่นล้านบาท ซึ่งเป็นภาพที่รันทดใจเป็นอย่างยิ่งสำหรับคนที่ออกของไม่ทันนะตัวเอง
ที่น่าสนใจคือ อารมณ์ของนักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ ออกไปในโทนพร้อมขายทิ้งมากกว่าช้อนหุ้น ซึ่งสังเกตได้จากการหลุดแนวรับสำคัญอย่างง่ายดาย แถมการรูดลงหนักในช่วงหลังไม่มีวอลุ่มเสียด้วย จึงอนุมานได้ว่า ไม่มีใครอยากเสี่ยงเหมือนเมื่อก่อน เพราะสถานการณ์ตอนนี้มันดูแย่ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเศรษฐกิจ การเมือง สังคม สิ่งแวดล้อม มันหาเรื่องดี ๆ มาเม้าท์ไม่ได้สักเรื่อง และกลายเป็นไฟต์บังคับที่ทำให้นักเล่นต้องล้างพอร์ตหรือเปล่า?..ลองไปคิดกันนะจ๊ะ