พาราสาวะถี

เดิมทีคาดหมายกันว่าคงได้บทสรุปจากการพูดคุยของคณะเจรจาพรรคก้าวไกล-เพื่อไทยต่อเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎรวานนี้ ถูกเลื่อนออกไปแบบไม่มีกำหนด


เดิมทีคาดหมายกันว่าคงได้บทสรุปจากการพูดคุยของคณะเจรจาพรรคก้าวไกล-เพื่อไทยต่อเก้าอี้ประธานสภาผู้แทนราษฎรวานนี้ จนกระทั่งมองกันว่าน่าจะประกาศรายชื่อได้หลังการหารือของ 8 พรรคตั้งรัฐบาลที่ก็ต้องถูกเลื่อนออกไปแบบไม่มีกำหนดเช่นกันจากที่กำหนดไว้วันนี้ (29 มิถุนายน) หลังก้าวไกลแจ้งเลื่อนการหารือกรรมการเจรจาสองพรรคช่วงกลางดึกวันอังคารที่ผ่านมา ทั้งที่พรรคอันดับหนึ่งมีมติเสนอชื่อ ปดิพัทธ์ สันติภาดา ส.ส.พิษณุโลกเป็นประธานสภาฯ แต่เจอกับมติที่ประชุม ส.ส.ของพรรคอันดับสองยืนยันสูตร 14+1

อันหมายถึงก้าวไกลได้เก้าอี้ 14 รัฐมนตรีบวกนายกรัฐมนตรี ส่วนเพื่อไทยขอ 14 รัฐมนตรีบวกประธานสภาฯ ทั้งหมดทั้งมวลเป็นผลสืบเนื่องมาจากเสียงที่ทิ้งกันไม่ขาด แต่ประเด็นนี้คงไม่ถึงขนาดที่จะเป็นเหตุให้ตีรวนนำไปสู่การขาดสะบั้นกันของพรรคร่วมตั้งรัฐบาล นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยืนยันแล้วว่า “เราแยกกันไม่ได้ และเราเองก็ไม่มีทางที่จะแยกกันได้ด้วย ไม่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดยเฉพาะพรรคเพื่อไทยที่ถูกมัดด้วยอาณัติของประชาชนเช่นนี้จึงแยกยาก”

ฉันทามติของประชาชนที่ทุ่มให้สองพรรคกว่า 25 ล้านเสียงคือการแสดงเจตนารมณ์อันแรงกล้าและชัดเจน ต้องตั้ง “รัฐบาลประชาธิปไตยของประชาชน” ให้ได้ จะมีก็เพียง ส.ว.มืดบอดทางสติปัญญาบางรายเท่านั้นที่อ้างว่า คะแนนเกือบ 15 ล้านเสียงที่พรรคก้าวไกลได้รับเลือกนั้นเป็นเสียงข้างน้อยโดยเทียบกับจำนวนผู้มีสิทธิเลือกตั้ง สีข้างถลอกปอกเปิกไปหมดแล้ว ซึ่งพอจะเข้าใจผู้ร่วมขบวนการสืบทอดอำนาจต้องเป็นลูกอีช่างแถและมีความหน้าด้านกันให้ได้ขนาดนี้

ความจริงบทสัมภาษณ์ของหมอชลน่านที่ย้ำจุดยืนเรื่องการร่วมกันเดินกับก้าวไกลไปให้ถึงที่สุดนั้น เป็นผลมาจากสัญญาณที่ได้รับมาจากฐานบัญชาการทั้งในและต่างประเทศ ให้สนับสนุน พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรีให้ได้ และยึดสูตรการตั้งรัฐบาล 8 พรรคเป็นหลัก ไม่มีดีลลับ ไม่มีพลิกขั้ว เปลี่ยนแนวทางเป็นอันขาด เพราะเริ่มจะเห็นสัญญาณกันแล้วว่า หากเล่นงานพิธาด้วยปมหุ้นไอทีวีไม่ได้ ก็จะหันไปจัดการเรื่องที่เจ้าตัวและพรรคก้าวไกลชงให้มีการแก้ไขมาตรา 112

จับอาการจากที่ศาลรัฐธรรมนูญสั่งให้อัยการชี้แจงว่าจะรับหรือไม่รับเรื่องที่มีผู้ร้องว่าการกระทำของพิธา และพรรคก้าวไกล ที่เสนอร่าง พ.ร.บ.แก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ ..) พ.ศ. …. เพื่อยกเลิกประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 112 โดยใช้เป็นนโยบายในการหาเสียงเลือกตั้ง และยังคงดำเนินการอย่างต่อเนื่อง เป็นการใช้สิทธิหรือเสรีภาพเพื่อล้มล้างการปกครองระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์ทรงเป็นประมุข ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 49 วรรคหนึ่งหรือไม่

ล่าสุด วิษณุ เครืองาม ก็ให้ความเห็นทางกฎหมายแล้วว่า กรณีนี้หากศาลรัฐธรรมนูญรับเรื่องไว้พิจารณา จะไม่ส่งผลกระทบต่อการโหวตเลือกนายกฯ เพราะเป็นเรื่องของพรรคก้าวไกล ไม่ใช่ตัวบุคคล และไม่มีเรื่องของการให้หยุดปฏิบัติหน้าที่ แต่ที่ต้องขีดเส้นใต้คือ กรณีนี้จะถือเป็นสารตั้งต้นให้คนไปร้องคดีอาญาหรือคดียุบพรรคหากศาลตัดสินว่าผิด นั่นหมายความว่า มีโอกาสที่พรรคของพิธาจะเดินซ้ำรอยเดิมของอนาคตใหม่

หากเป็นเช่นนั้นจริง หนนี้ ส.ส.ของพรรคก้าวไกลคงไม่มีใครกลายสภาพเป็นงูเห่าอย่างแน่นอน แม้จะมีเม็ดเงินร้อยล้านเป็นตัวล่อก็ตาม เพราะได้พิสูจน์แล้วว่าบรรดางูเห่าทั้งหลายได้ถูกประชาชนสั่งสอนกลายเป็นพวก ส.ส.สอบตกกันทุกราย ดังนั้น คนเหล่านี้ก็จะหันไปซบ 7 พรรคที่ลงนามในเอ็มโอยูตั้งรัฐบาล แน่นอนว่า ความเป็นไปได้ที่จะย้ายเข้าเพื่อไทยก็มีโอกาสสูงกว่าเพื่อน หรือย้ายไปสังกัดพรรคอื่นที่เป็นพวกเดียวกัน เพื่อไทยก็ไม่เสียหาย เนื่องจากจะกลายเป็นพรรคอันดับหนึ่งในทันที

แต่ภายใต้บริบทการเมืองที่กำลังดำเนินไปในสถานการณ์ปัจจุบัน สูตรการเมือง 8 พรรคยังดำเนินต่อไปบนเส้นทางการเจรจาที่มีหลากหลายเงื่อนไข แนวโน้มของการอาศัยเสียง ส.ส.จากพรรคอื่น บวกกับการขอกำลังภายในของผู้นำพรรคการเมืองบางพรรคเพื่อช่วยคุยกับ ส.ว.ให้ยกมือโหวตเลือกพิธาเป็นนายกฯ แลกกับโอกาสการเข้าร่วมรัฐบาลในระยะต่อไป มีความเป็นไปได้สูง เนื่องจากการเมืองในระบบจะขยับได้อย่างแท้จริง ต้องช่วยกันปิดสวิตช์ ส.ว.และความพยายามพลิกเกมของพวกอยู่ยาวให้ได้เสียก่อน

ถ้าเดินเกมนี้สำเร็จ หลังจากพิธาได้เป็นนายกฯ และ 8 พรรคร่วมได้บริหารประเทศไประยะหนึ่ง จะมีการดึงบางพรรคการเมืองเข้าร่วมด้วยเหตุผลจะช่วยกันพาบ้านเมืองก้าวข้ามความขัดแย้งไปให้ได้ ซึ่งบางพรรคการเมืองหัวหน้าพรรคได้ชูแนวทางนี้เป็นด้านหลักในการหาเสียง เมื่อได้แสดงศักยภาพในการประสานจนช่วยดันให้ก้าวไกลได้สมหวังแล้ว ก็ต้องถึงเวลาที่จะแสดงความจริงใจเป็นการตอบแทน โดยจะมีการนำเสนอร่างกฎหมายสร้างความสมานฉันท์ให้พรรคแกนนำรัฐบาลใช้เป็นเครื่องมือเพื่อชี้แจงต่อผู้สนับสนุน ในการเชื้อเชิญพรรคดังกล่าวมาร่วมงานกับรัฐบาล

แนวทางเช่นนี้ไม่ทรยศต่ออุดมการณ์ ไม่ทำให้แนวร่วมที่สนับสนุนผิดหวัง เนื่องจากท้ายที่สุดหากจะเป็นรัฐบาลที่มีเสถียรภาพและเดินบนถนนสายประชาธิปไตยได้อย่างสง่างาม ก็ต้องเปิดใจให้กว้าง และยอมรับความจริงทางการเมืองบางประการ หากหลุดไปจากนี้การที่เพื่อไทยประกาศจับมืออย่างเหนียวแน่น ไม่มีทางแยกจากกันก็ไม่สามารถช่วยอะไรได้ หากเพื่อนกันไม่ยอมรับเงื่อนไขที่จะทำให้การเดินไปสู่จุดหมายไม่เกิดอาการสะดุด

แม้จะยังไม่เดินไปถึงจุดนั้น แต่เวลานี้ก็เริ่มที่จะมีเสียงเล็ดลอดออกมาแล้วถึงสูตรการเมืองที่เพื่อไทยต้องจำจากจรปล่อยมือก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้านกับพรรคของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจ โดยหันไปจับมือกับพรรคสืบทอดอำนาจและภูมิใจไทยตั้งรัฐบาลแทน ติดแต่เพียงว่าคนที่จะมาเป็นนายกฯ นั้นสังคมยอมรับได้หรือไม่ เพราะคนที่เดินทางไปอังกฤษน่าจะมีโอกาสได้สมหวังกับสิ่งที่ตั้งใจ รอดูไม่กี่อึดใจจะมีคำตอบมาจากแดนไกลไฟเขียวจากฐานบัญชาการในประเทศ เพราะ 27 ล้านเสียงที่ลงฉันทามติผ่านการเลือกตั้งคือตัวชี้วัดสำคัญ ตั้งรัฐบาลได้แต่ไปไม่รอดก็เปล่าประโยชน์

Back to top button