ถีบหัวส่ง กก.?
จริง ๆ “โมนิก้า” ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมืองไทยสักเท่าไหร่? เพราะมันมีแต่เรื่องป้ายขี้ให้อีกฝ่ายเหมือนละครน้ำเน่า
จริง ๆ “โมนิก้า” ไม่อยากยุ่งเกี่ยวกับเรื่องการเมืองไทยสักเท่าไหร่? เพราะมันมีแต่เรื่องป้ายขี้ให้อีกฝ่ายเหมือนละครน้ำเน่า และซ้ำร้ายไปกว่าเดิมก็คือ ดันทำเรื่องไม่เป็นเรื่องขึ้นมาเสียอีก จนผู้คนในแวดวงตลาดเงินตลาดทุนเริ่มเอือมระอากับฝ่ายที่กำลังจะเป็นรัฐบาล และสิ่งที่ตอกย้ำรอยร้าวในฝั่งที่กำลังจะจัดตั้งรัฐบาลได้ดีสุดก็คือ “ก้าวไกล” กับ “เพื่อไทย” ประกาศเลื่อนเจรจาตำแหน่งประธานสภา และรัฐมนตรีไม่มีกำหนดไงล่ะคะ
ตรงนี้เหมือนเป็นเรื่องจุกอกที่ทำให้ “กก.” รู้สึกโดนเอาเปรียบหมดทุกด้าน จึงต้องถอยลงรูเพื่อไปตั้งหลักกันอีกรอบ แต่ในขณะเดียวกันกลับพบว่า บรรดาลูกหาบของด้อมส้มก็ยังก่อวีรกรรมสุดแสนอุบาทว์ไม่เลิกเหมือนกัน ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราวของการแบ่งแยกดินแดน 3 จังหวัดภาคใต้ หรือแม้กระทั่งเรื่องสด ๆ ร้อน ๆ ที่อุตริเปลี่ยนวันชาติเป็นวันที่ 24 มิ.ย. แทนของเดิม 5 ธ.ค.(ก่อนหน้านี้ก็มีเรื่องแก้ 112 เป็นชนักติดหลังอยู่แท้ ๆ) พะย่ะค่ะ
ที่น่าสนใจก็คือ พรรคส้มก็รู้ทั้งรู้ว่า เรื่องที่ทำไม่ช่วยให้ปากท้องประชาชนดีขึ้น แต่ยังเดินหน้าสร้างความขัดแย้งไม่หยุดหย่อนเสียทีแบบนี้ “โมนิก้า” เลยไม่แปลกใจที่คนทำธุรกิจส่วนใหญ่ไม่ปลื้มพรรคส้ม จนมีบรรดา “กองแช่ง กองเสี้ยม” ปั่นกระแสให้พรรคส้มทำบ้า ๆ บอ ๆ แบบสุดซอยกันไปเลย เพราะเห็นกันทนโท่ว่า สุดท้ายก็คงสะดุดขาตัวเองล้มครืนไม่เป็นท่าอยู่ดีนะตัวเอง
เมื่อวันนั้นมาถึงก็จะเปิดทางให้ “เพื่อไทย” ขึ้นเป็นผู้นำฝั่งรัฐบาลอย่างสวยงาม และจะเลือกใครเข้ามาร่วมหอลงโลงเป็นรัฐบาลก็ได้ทั้งนั้น และจังหวะดังกล่าวจะทำให้ความเชื่อมั่นในมิติต่าง ๆ กลับมาดีดั่งเดิม โดยเฉพาะบรรยากาศลงทุนในตลาดหุ้นน่าจะกลับมาคึกคักอีกครั้ง เพราะฝั่งของสีแดงจะเดินหน้าฟื้นเศรษฐกิจแบบเต็มตัว เพราะไม่อยากเสียเวลาไปกับเรื่องที่ไม่ก่อประโยชน์กับสังคมน่ะซี
งานนี้พูดง่าย ๆ ก็คือหลายคนอยากถีบหัวส่ง กก. ก็คงไม่ผิดไปจากความจริงสักเท่าไหร่? ผนวกกับหลายคนไม่อยากแสดงตัวเพื่อตกเป็นเป้าโจมตีของด้อมส้ม จึงได้แต่พูดลับหลังเป็นเวลานาน และเรื่องดังกล่าวเริ่มพูดกันหนาหูมากขึ้นเรื่อย ๆ เมื่อเห็นพรรคส้มออกทะเลไปไกลกว่าที่คิด “โมนิก้า” เลยไม่แปลกใจที่หลายคนตั้งหน้ารอโฉมรัฐบาลจะออกมาเหมือนที่คาดหวังขนาดไหนเจ้าค่ะ
ในระหว่างที่ทุกอย่างกำลังฝุ่นตลบ ไม่รู้อะไรเป็นอะไร ตลาดหุ้นถึงง่อยเปลี้ยนานเหลือเกิน ผนวกกับเจอแรงกดดันจากดอกเบี้ยขาขึ้น โดยที่ช่องว่างระหว่างดอกเบี้ยต่างประเทศ กับดอกเบี้ยในประเทศ ห่างกันมากถึง 3% จึงก่อให้เกิดปรากฎการณ์เงินไหลออกไม่หยุด วันนี้ถึงต้องเข้าใจเหตุผลที่ดัชนีทรุดลงมากองอยู่ที่ 1,466.93 จุด ลบไป 11.17 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.88 หมื่นล้านบาทนะจ๊ะ
ถามว่าเหตุการณ์จะนิ่งเมื่อไหร่ “โมนิก้า” ขอพูดจากความคิดของตัวเองว่า อีกนาน! เพราะสิ่งที่ทำให้นักลงทุนแพนิกยังมีออกมาเรื่อย ๆ จนนักเล่นมองข้ามข่าวดีที่โผล่มาให้เห็นเป็นช่วง ๆ โดยเฉพาะในมุมของอัพไซด์เพิ่ม มันไม่มีผลทำให้เกิดความฮึกเหิมขึ้นมาเลยแบบนี้ มันเป็นเรื่องราวที่บังคับให้เดี๊ยนต้องจั่วหัวข่าวไปเมื่อวันก่อนว่า “ล้างพอร์ต” เพื่อเสนอเป็นทางเลือกในจังหวะที่หลายอย่างยังลูกผีลูกคนจ้า
สิ่งที่เห็นได้ชัดอีกอย่างตอนนี้ก็คือ บรรดาขาใหญ่ยังหาช่องออกของไม่ได้ จึงต้องยอมอมหุ้นต่อไปไม่มีกำหนด เพราะขืนสาดหุ้นออกมาแบบไม่ใยดี อาจเห็นหุ้นหลายตัวดิ่งลงแรงแบบไม่คาดคิด จึงไม่ควรคิดว่า ทุกอย่างกำลังจะสงบลงในเวลาอันใกล้ เพราะในความเป็นจริงก็คือ ทุกอย่างกำลังเดินไปหาจุดแตกหักมากกว่า ซึ่งคนในแวดวงตลาดเงินตลาดทุนกำลังหวาดวิตกอย่างหนักนะจะบอกให้
สถานการณ์เหล่านี้กลายเป็นแรงบีบคั้นที่พุ่งตรงไปยังทุกภาคส่วน ชนิดที่ไม่สามารถแยกออกจากกันได้เลยจริง ๆ และทั้งหมดก็มาจากเกมการเมืองที่ไม่มีใครยอมใคร โดยใช้ฐานเสียงของพรรคตัวเองเป็นเกราะกำบัง “โมนิก้า” เลยเกิดอาการโคตรเซ็งเมื่อเห็นหลายอย่างกำลังวอดวายมากขึ้นเรื่อย ๆ ผนวกกับทฤษฎีทางการเมืองต่าง ๆ ที่ถูกพูดถึงเป็นระลอกนั้น..เอาเข้าใจก็เป็นแค่การดักคอฝ่ายตรงข้ามเท่านั้น เลยไม่มีใครรู้ความจริง!..ตลาดหุ้นจึงต้องลงต่อไปนะจ๊ะ..นะจ๊ะ