Wait & Seeลูบคมตลาดทุน

ตลาดหุ้นไทยไม่ค่อยตอบรับข่าวเชิงบวกซักเท่าไหร่


ธนะชัย ณ นคร

 

ตลาดหุ้นไทยไม่ค่อยตอบรับข่าวเชิงบวกซักเท่าไหร่

ทว่าในมุมกลับกัน…

หากมีปัจจัยลบเข้ามาก็ถูกกระหน่ำขายอย่างหนักอย่างเช่น 2 วันก่อนหน้านี้ ตลาดหุ้นเอเชียลงอย่างหนักจากปัจจัยราคาน้ำมันดิบในตลาดโลกที่ราคาลงมาต่ำสุดในรอบ 7 ปี

ผมคุยกับนักวิเคราะห์หลายคน

มีคำแนะนำว่าหากมีเงินสดอยู่ในพอร์ตอยู่ ก็เก็บหุ้นที่กำลังมีสตอรี่ หรือมีปัจจัยบวกรออยู่ข้างหน้า

เช่น บมจ.ไทย โซล่าร์ เอ็นเนอร์ยี่ หรือ TSE ที่ผ่านคุณสมบัติผู้เข้าร่วมขอใบอนุญาตรับซื้อไฟฟ้า (PPA) จากโครงการรับซื้อไฟฟ้าโซลาร์ฟาร์มส่วนราชการและสหกรณ์ในเฟสแรกรวม 9 โครงการ คิดเป็น 45 เมกะวัตต์

หรือหุ้นในกลุ่มธนาคารที่ปรับลงมามากๆ เช่น แบงก์กรุงเทพ หรือ BBL ที่แม้จะถูกออกมาจาก MSCI Global Standard เพราะรูมเต็ม แต่พื้นฐานไม่ได้เปลี่ยน

ราคาหุ้น BBL วานนี้ ถือว่าต่ำสุดในรอบกว่า 4 ปี

มีการคาดกันว่าในช่วงบ่ายน่าจะมีการ Cover Short หุ้น BBL ในช่วงเปิดตลาดภาคบ่าย

เผอิญผมเขียนต้นฉบับก่อน ก็ไม่แน่ใจว่ามีหรือไม่

ส่วนหุ้นตัวอื่นๆ มีการแนะนำกันในช่วงดัชนีมันลงหนัก เช่น BMCL กับ BECL

หุ้นสองตัวนี้ตลาดหลักทรัพย์จะขึ้นเครื่อง SP หรือหยุดพักการซื้อขายชั่วคราวในวันที่ 21 ธันวาคมนี้ เพราะจะมีการควบรวมกิจการกัน

แต่ราคาหุ้นยังเคลื่อนไหวในกรอบแคบ

คือส่วนตัวผมก็ไม่แน่ใจว่า ราคามันตันหรือยัง หรือว่านักลงทุนไม่กล้าเข้าลงทุนในช่วงนี้

หรือหากใครยังไม่กล้าลงทุน ก็ต้องWait & See ไปก่อน จนกว่าจะมีความชัดเจนในหลายๆ เรื่องที่เป็นปัจจัยกดดันตลาดหุ้นอยู่

ลองหันมาคุยกับนักลงทุนรายใหญ่ๆ เช่น “เสี่ยป๋อง” คุณวัชระ แก้วสว่าง

คำตอบที่ได้รับยังคงเหมือนเดิมว่า ตอนนี้แทบไม่ได้ทำอะไร เพราะมันเล่นยาก

และแม้จะยอมรับว่าหุ้นหลายตัวพื้นฐานดี และราคาลงมาถูกมาก แต่ก็ไม่กล้าเข้าซื้อเพราะไม่รู้ว่าราคาจะปรับลงไปอีกหรือไม่

ผลสุดท้ายก็คือ อยู่เฉยๆ ไปก่อน

ส่วนหุ้นบางตัวที่อยู่ในพอร์ต ก็มีบางที่ตัดขาดทุนไป

ผมถามว่าแล้วหุ้นรับเหมาล่ะน่าซื้อไหม?

เสี่ยป๋องบอกว่า ดูๆ แล้วมันก็น่าจะดี และราคาลงตลอด เช่น ITD ราคาก็ยังลงอยู่

“ผมเห็นแบบนี้แล้ว ยังเป็นห่วงพี่ (เสี่ย) ยักษ์ (วิชัย วชิรพงศ์) เลย”เสี่ยป๋องกล่าวว่าไว้ครับ

ส่วนหุ้นบางตัวในพอร์ต เสี่ยป๋องก็ยังกอดเอาไว้ (แม้จะขาดทุน) เพราะจะมีปัจจัยบวก หรือสตอรี่เข้ามายังหุ้นตัวนั้นๆ

เสี่ยป๋องบอกทิ้งท้ายว่า วันนี้ มื้อกลางวัน (จันทร์ 14 ธ.ค.) เขาต้อง (กำลังกิน) มาม่า (ต้มยำกุ้ง)

นักลงทุนอีกคนบอกว่า นักลงทุนรายใหญ่หลายคน กอดหุ้น (ที่ขาดทุน) อยู่กันเยอะ และยังไม่ได้มีการใส่เงินเข้าไปเก็บหุ้นมากเท่าไหร่

หรือส่วนใหญ่ก็ยังถือหุ้นตัวเดิมๆ ไว้อยู่

แต่หากดูตามสัญญาณทางเทคนิค ดัชนีหุ้นไทยน่าจะรีบาวด์ แต่ถามว่า แล้วกลุ่มไหนล่ะจะดันดัชนีขึ้นมา

อย่างพลังงาน และกลุ่มสื่อสาร แทบจะปิดประตูไปก่อน

ที่เหลือก็มีกลุ่มธนาคารน่าจะพอดูดีหน่อย แต่นักลงทุนก็ยังคงกังวลกับปัญหาหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ หรือ NPL ในช่วงไตรมาส 4/2558

วันนี้และวันพรุ่งนี้จะมีการประชุมของคณะกรรมกรรนโยบายการเงินของเฟด หรือธนาคารกลางสหรัฐ

นี่ก็เป็นอีกปัจจัยที่นักลงทุนทั่วโลกเฝ้าคอย

แม้หลายคนบอกว่าเป็นปัจจัยที่เหมือนตลาดหุ้นจะตอบรับไปแล้วว่าดอกเบี้ยขึ้นแน่ๆ

แต่เมื่อถึงเวลาจริงๆ ก็อาจมี “สะดุ้ง” ส่งท้ายบ้าง

อย่าลืมว่า นักลงทุนต้องการความชัดเจน หรือหากอะไรที่มันยังไม่ชัดเจน ตลาดหุ้นก็จะอยู่ในภาวะแบบนี้

แถมยังมีวิกฤติราคาน้ำมันเข้ามากระทบอีก

Wait & See จึงคล้ายเป็นทางเลือกที่ยากจะเลี่ยงในช่วงเวลานี้จริงๆ

Back to top button