เซลล์แมน STARK
จริง ๆ “โมนิก้า” ไม่อยากเอาตัวไปเกลือกกลั้วกับหุ้นอุบาทว์อย่าง STARK สักเท่าไหร่? เพราะจิ้มลงไปตรงไหน ก็มีรอยแปดเปื้อน
จริง ๆ “โมนิก้า” ไม่อยากเอาตัวไปเกลือกกลั้วกับหุ้นอุบาทว์อย่าง STARK สักเท่าไหร่? เพราะจิ้มลงไปตรงไหน ก็มีรอยแปดเปื้อนที่ทำให้ทุกคนต้องร้องยี้กันเป็นแถว แต่สุดท้ายก็ต้องเม้าท์ถึงหุ้นตัวนี้อีกครั้ง หลังเพื่อนสนิทมิตรสหายอยากให้เล่าประวัติความเป็นมาของ “ชนินทร์” หรือ “เสี่ยโอ๋” ให้ฟังกันสักหน่อย หลังคนในวงการบางคนขนานนามให้เป็น “เซลล์มือทอง” ที่จับดีลไหนขึ้นมาทำปุ๊บ..ดีลนั้นมักเลื่องระบือทุกที (มีทั้งเจ๊ง และเจ๋ง) พะย่ะค่ะ
โดยชื่อของเซลล์มือทองดังกระฉ่อนเริ่มมาจากดีลโรงพยาบาลพญาไท โดยคนที่คอยคุมเกมให้ทุกอย่างอยู่ในร่องในรอยก็คือ “วิชัย” ซึ่งเป็นคนวางสเต็ปการแลกหุ้น และรวมบริษัทเข้ากับโรงพยาบาลกรุงเทพ (ควบเสร็จปี 54) ซึ่งเป็นจุดเริ่มต้นของเครือข่ายโรงพยาบาลที่มีมูลค่าสูงสุดเป็นอันดับ 2 ของโลก และทำให้ชื่อของ “เสี่ยโอ๋” เริ่มเป็นที่พูดถึงอย่างกว้างขวาง ผนวกกับเป็นคนฝอยเก่งเป็นทุนเดิมอยู่แล้ว จึงกลายเป็นที่จดจำอย่างรวดเร็วจ้า
งานนี้จะบอกว่า เสี่ยเกาะกระแสทนายคนดังก็คงไม่ผิดนัก แต่เผอิญคนในวงการต่างรู้ดีว่า ดีลดังกล่าวมาจาก “มันสมอง” และ “ฝีมือ” อันเอกอุของทนายคนดังต่างหาก..โดยก่อนหน้านี้มักจะพบเห็นชื่อของเสี่ยไปอยู่ทุกที่กับทนายคนดัง และอีกดีลที่สร้างชื่อให้สุด ๆ คือ DIADO หรือที่คนสมัยก่อนรู้จักเป็นอย่างดีในชื่อ “ไดโดม่อน” (ปี 47) ซึ่งเป็นปิ้งย่างสไตล์บุฟเฟ่ต์ที่ได้รับความนิยมสุด ๆ แต่สุดท้ายก็ไปไม่รอดนะจ๊ะ
ที่น่าสนใจคือ ก่อนหน้านี้ในปี 47 ชื่อของ “เสี่ยโอ๋” ก็ไปปรากฏเป็นกรรมการและผู้บริหารของ รพ. ศิครินทร์ หาดใหญ่ (ปี 43-44 มี วิชัย นั่งเป็น ประธานกรรมการบริหาร บมจ.ศิครินทร์) ซึ่งมี บริษัท จุลดิศ ดีเวลลอป จำกัด (มหาชน) เป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ และตอนนั้นก็เป็นห้วงเวลาของการปรับโครงสร้างโรงพยาบาลให้มีความเข้มแข็ง และเมื่อทุกอย่างเสร็จสรรพตามแผนงานทุกอย่าง ก็ไม่มีชื่อของเสี่ยจอมฝอยเข้ามาเกี่ยวข้องนับตั้งแต่นั้นพะย่ะค่ะ
ถามว่า ทำไมเดี๊ยนเลือกพูดถึงเหตุการณ์ดังกล่าวขึ้นมาเม้าท์แตกเป็นลำดับแรก เพราะต้องการชี้ให้เห็นว่า โปรไฟล์การทำงานของเสี่ยเขาไม่ธรรมดาจริง ๆ จึงไม่ต้องแปลกใจที่หลายบริษัทเรียกใช้บริการของเสี่ยจอมฝอย แถมเมื่อดูผลลัพธ์ปลายทางที่ออกมา ก็คุ้มค่ากับการให้มาช่วยทำงาน จึงเป็นการการันตีฝีมือเจ้ายุทธจักรปรับโครงสร้างธุรกิจ ซึ่งตัวเสี่ยเองมักจะเล่าถึงประวัติการทำงานที่โชกโชนให้ทุกคนได้ฟังเจ้าค่ะ
เมื่อทุกคนใฝ่อยากรู้ประวัติความเป็นมา “โมนิก้า” จึงต้องสืบเสาะหาข้อมูลที่เกี่ยวข้องมาเล่าให้ฟังคร่าว ๆ จนในที่สุดได้ความว่า ในปี 46-48 เสี่ยจอมฝอยเคยนั่งเป็น ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บมจ.ประสิทธิ์พัฒนา ซึ่งข่าวคราวในช่วงนั้นไม่ค่อยมีอะไรที่เตะตาสักเท่าไหร่ แต่พอเป็นคาบเกี่ยวในระหว่างปี 52-53 ตัวของเสี่ยจอมฝอยก็มานั่งเป็น กรรมการ บมจ.ยานภัณฑ์ หรือ YNP แต่ไม่มีอะไรเฉิดฉายเท่าที่ควร เพราะทุอย่างอยู่ภายใต้คอนโทรลของทนายคนดังน่ะซี
สิ่งที่น่าสนใจก็คือ ในปี 53-55 เสี่ยเริ่มเปล่งรังสีให้ผู้คนในแวดวงตลาดเงินตลาดทุนได้เห็นแบบไม่พัก หลังขึ้นครองตำแหน่ง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ในเครือโรงพยาบาลบางปะกอก 9 อินเตอร์เนชั่นแนล และในช่วงเวลาเดียวกันในปี 54-55 ก็นั่งเป็น กรรมการ บจ. ริโซลูชั่น อไลแอนซ์ ต่อจากนั้นในปี 55 ก็ก้าวขึ้นมาเป็น ประธานกรรมการ บมจ.จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก หรือ EASTW อย่างเป็นทางการแบบนี้..มีใครจำได้บ้างไหมจ๊ะ
ถัดจากนั้นอีกหลายปีก็เป็นจังหวะที่ “เสี่ยโอ๋” เข้ามานั่งเป็น ประธานกรรมการ และกรรมการอิสระ ให้กับบริษัท SWC ซึ่งมีทั้ง “ป๋าประจักษ์” และลูกชายคนโตอย่าง “วนรัชต์” นั่งเป็นกรรมการ โดยบริษัทนี้ถือเป็นหนึ่งในบริษัทเครือ TOA ที่อยู่ในตลาดหุ้นมาอย่างยาวนาน และตรงจุดนี้เองที่ทำให้ผู้คนมากมายสงสัยถึงความสนิทชิดเชื้อของตัวละครที่เกี่ยวข้องว่า ใครทำงานให้ใครกันแน่!
ประกอบกับจอมแฉอย่าง “ศรัทธา” ออกมาพูดถึงการแต่งบัญชีมันเริ่มต้นตั้งแต่ “เฟ้ลปส์ ดอด์จ” อยู่นอกตลาดในปี 58 จึงกลายเป็นไทม์ไลน์ที่คาบเกี่ยวกันสุด ๆ และกลายเป็นชนวนเหตุที่ทำให้ผู้คนสงสัยในความสัมพันธ์ของกลุ่มคนดังกล่าวมากขึ้นไปอีก พร้อมกันนั้นก็มีคนตั้งข้อสังเกตถึงสาเหตุที่เสี่ยจอมฝอยโน้มน้าวเก่งเหลือคณา มีจุดเริ่มมาจากการเป็นเซลล์บริษัทที่ทำผลิตภัณฑ์ดูแลสุขภาพ..งานนี้จริงเท็จอย่างไร? คงต้องตามเสี่ยโอ๋มาตอบให้คลายสงสัย..อิอิอิ