PHG-ROJNA พันธมิตรคู่ธุรกิจ.!?
เวลาตกฟากคงผิดไปหน่อย..!! สำหรับหุ้นโรงพยาบาลน้องใหม่ PHG ที่ตัดสายสะดือเข้าเทรด แต่ด้วยภาวะตลาดช่วงนี้ที่ไม่เป็นใจ ทำให้พลาดพลั้งหลุดจองไป
เวลาตกฟากคงผิดไปหน่อย..!! สำหรับหุ้นโรงพยาบาลน้องใหม่ บริษัท แพทย์รังสิตเฮลท์แคร์กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ PHG ที่ตัดสายสะดือเข้าเทรดในตลาดหลักทรัพย์ฯ เมื่อวันที่ 6 ก.ค. 2566 ด้วยไอพีโอ 21 บาท แต่ด้วยภาวะตลาดช่วงนี้ที่ไม่เป็นใจ ทำให้พลาดพลั้งหลุดจองไป…ซึ่งไม่เกี่ยวกับปัจจัยพื้นฐานนะ
แม้วันแรกจะมีบิ๊กล็อตออกมา รวมกัน 30.34 ล้านหุ้น ที่ราคาไอพีโอ 21 บาทต่อหุ้น รวมมูลค่า 637.16 ล้านบาท แต่เป็นการซื้อบิ๊กล็อตของนักลงทุน 5 ราย ประกอบด้วย 1) บริษัท สวนอุตสาหกรรมโรจนะ จำกัด (มหาชน) หรือ ROJNA จำนวน 15 ล้านหุ้น คิดเป็น 5% มูลค่า 315 ล้านบาท 2) “สุดา อัศวโภคิน” จำนวน 11.64 ล้านหุ้น คิดเป็น 3.38% มูลค่า 244.44 ล้านบาท
3) “สมยศ สกุลอิสริยาภรณ์” จำนวน 1.42 ล้านหุ้น คิดเป็น 0.47% มูลค่า 29.82 ล้านบาท 4) บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ในเครือบริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TIPH จำนวน 1 ล้านหุ้น คิดเป็น 0.33% มูลค่า 21 ล้านบาท และ 5) บล.ดาโอ (ประเทศไทย) จำนวน 145,000 หุ้น คิดเป็น 0.05% มูลค่า 3.04 ล้านบาท
ดังนั้น ถ้าเทียบกับวันแรกที่ปิดตลาด 16.30 บาท ปรับลดลง 4.70 บาท หรือต่ำจอง 22.38% จะทำให้ ROJNA ขาดทุนไป 70.50 ล้านบาท ฟาก “สุดา” ขาดทุน 54.70 ล้านบาท ส่วน “สมยศ” ขาดทุน 6.67 ล้านบาท ด้านบมจ.บริษัท ทิพยประกันภัย ขาดทุน 4.70 ล้านบาท และบล.ดาโอ (ประเทศไทย) ขาดทุน 681,500 บาท
เท่ากับว่า ทั้ง 5 ราย ซื้อปุ๊บ…ขาดทุนปั๊บนะเนี่ย..!!
โอเค…ตัวเลขขาดทุนก็ตามที่เห็นอะนะ…แต่จุดที่น่าสนใจ กรณีการเข้ามาลงทุนของ ROJNA ในครั้งนี้ คงไม่ได้มาเล่น ๆ หรือซื้อเพื่อเก็งกำไรระยะสั้นหรอก…เชื่อหัวไอ้เรืองสิ
น่าจะเป็นการลงทุนระยะยาวมากกว่า…เพราะถ้าไปสแกนดู PHG ก็ถือเป็นหุ้นโรงพยาบาลที่มีพื้นฐานแข็งแกร่งอยู่นะ..!!
อ้อ…ที่เห็นงบงวดปี 2565 มีกำไรสุทธิ 293 ล้านบาท อ่อนตัวจากปี 2564 ที่มีกำไรสุทธิ 317 ล้านบาท และงบงวดไตรมาสแรกปีนี้ มีกำไรสุทธิ 44 ล้านบาท อ่อนตัวจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 99 ล้านบาท…สาเหตุเกิดจากฐานกำไรที่สูงปรี๊ดดดในปีก่อนหน้า เนื่องจากได้รับผลบวกจากโควิดไปเต็ม ๆ ครั้นพอโควิดจาง…กำไรของ PHG ก็เจือจางไปด้วย
ซึ่งไม่ได้เกิดขึ้นกับ PHG เท่านั้น แต่เป็นเหมือนกันทุกโรงพยาบาล…
ขณะที่ PHG เป็นโรงพยาบาลที่นอกจากจับกลุ่มลูกค้าทั่วไปแล้ว ยังโฟกัสลูกค้าประกันสังคมด้วย ส่วน ROJNA ก็มีพนักงานบริษัทต่าง ๆ ที่อยู่ในนิคมฯ จำนวนมาก ดังนั้นในเชิงของการ Synergy ธุรกิจน่าจะได้ประโยชน์ร่วมกัน…
ในมุมของ PHG จะได้ฐานลูกค้าประกันสังคมที่มาจากนิคมอุตสาหกรรมโรจนะเพิ่มเข้ามา ซึ่งปัจจุบันมีนิคมฯ ที่เปิดดำเนินการแล้ว 6 แห่ง และอยู่ระหว่างก่อสร้างอีก 3 แห่ง ก็น่าจะมาช่วยหนุนการเติบโตได้ไม่มากก็น้อย
เมื่อ PHG เติบโตดี…แน่นอนว่า ROJNA ในฐานะผู้ถือหุ้นก็จะได้ประโยชน์ไปด้วย
ขณะเดียวกัน ROJNA ก็จะมีออปชันให้กับบริษัทที่อยู่ในนิคมฯ เพิ่มขึ้นมา จากการไปใช้บริการในเครือโรงพยาบาลแพทย์รังสิต อาจใช้เป็นอีกหนึ่งจุดขายดึงให้บริษัทต่าง ๆ เข้ามาตั้งโรงงานในนิคมฯ ก็เป็นได้
ดังนั้น เชื่อว่าการลงทุนใน PHG…ROJNA คงตีลังกาคิดมาดีแล้วล่ะ..!!
ไอ้ที่เห็นตัวเลขแดงหราในพอร์ตลงทุน…ก็คงไม่ซีเรียสอะไรหรอกมั้ง…
เข้าทำนอง “อดเปรี้ยวไว้กินหวาน” นั่นแหละฮะท่านผู้ชม..!!
…อิ อิ อิ…