หมดทางขึ้น!

สิ่งที่ “โมนิก้า” ได้รับรู้ มองเห็นตลอด 2 เดือนที่ผ่านมาก็คือ นักลงทุนล้วนตั้งคำถามว่า ตลาดหุ้นไทยจะขึ้นได้ไหม?


สิ่งที่ “โมนิก้า” ได้รับรู้ รับเห็นตลอด 2 เดือนที่ผ่านมาก็คือ นักลงทุนล้วนตั้งคำถามว่า ตลาดหุ้นไทยจะขึ้นได้ไหม? เพราะไม่มีประเด็นไหนที่ทำให้ความเชื่อมั่นในการลงทุนเพิ่มขึ้นเลย และเมื่อดูจากสภาพการเมืองที่พร้อมจะแทงข้างหลังกันทุกเมื่อ จึงกลายเป็นแรงกดดันที่ทำให้นักลงทุนกลุ่มต่าง ๆ เวียนกันขายหุ้นตลอดเวลา และทำให้ดัชนีลงไปทำจุดต่ำสุดใหม่ของปีเป็นระยะไงล่ะคะ

ผนวกกับสถานการณ์ของตลาดหุ้นต่างประเทศก็ไม่ค่อยสู้ดี “โมนิก้า” เลยสงสัยเหลือเกินว่า ตลาดหุ้นไทยจะเอาอะไรไปสู้รบปรบมือกับแรงกดดันที่มารอบด้าน ประสานกับสัญญาณเทคนิค RSI อยู่ที่ระดับ 39 แถมยังปักหัวลงอีกต่างหากแบบนี้ มีโอกาสลงต่อค่อนข้างสูง เพราะเที่ยวก่อนที่ตลาดหุ้นลงมาทำโลว์ที่บริเวณ 1,465 จุด ค่าสัญญาณดังกล่าวลงมาอยู่ที่ระดับ 24 ต่อจากนั้นถึงจะเด้งกลับนะจะบอกให้

ฉะนั้นการที่ดัชนีแกว่งตัวผันผวนตั้งแต่ต้นสัปดาห์ ก่อนจะลงเอยด้วยการยืนปิดที่ระดับ 1,496.89 จุด บวกไป 6.38 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 3.41 หมื่นล้านบาท ย่อมเป็นสัญญาณเตือนภัยที่นักเล่นต้องหาทางหนีทีไล่ไว้บ้าง! หลังสถานการณ์ไม่เป็นเหมือนที่คาดไว้สักอย่าง รวมทั้งบรรดาเซียนใหญ่ ๆ ก็ทยอยวางมือชั่วคราวมากขึ้น เดี๊ยนถึงไม่เคยแฮปปี้เมื่อเห็นดัชนีทะยานขึ้นโดยไม่มีปัจจัยบวกรองรับน่ะซี

คล้ายกับความพยายามเด้งสู้ของหุ้น CPAXT อาจเป็นเรื่องที่น่าชื่นใจสำหรับกองเชียร์ที่อยู่วงนอก แต่สำหรับคนที่คลุกวงใน อาจเป็นเรื่องที่ต้องคิดหนัก เพราะทุกครั้งที่หุ้นเด้งสู้มักจะมีจุดต่ำสุดใหม่เกิดขึ้นประจำ “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นประเมินการยืนปิดที่ระดับ 33.50 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 0.75% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 245 ล้านบาท ท่ามกลาง PE 45 เท่า มันน่าสนใจจริงเหรอจ๊ะ

ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” นึกถึงน้อง BEM ขึ้นมาทันที เพราะมีรูปแบบที่คล้ายกัน แถมการยืนปิดที่ระดับ 8.30บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 108 ล้านบาท ก็เป็นการเทรดบน PE 45 เท่า ในภาวะตลาดหุ้นผันผวนแบบนี้ เดี๊ยนมองเป็นเรื่องยากที่ราคาหุ้นจะฝ่าแรงขายขึ้นไปสร้างแนวรับใหม่ที่สูงกว่าเดิม จึงน่าจะแกว่งตัวไปมาในกรอบ 8-8.50 บาทอีกพักใหญ่นะคะ

ส่วนรายที่อาการหนักมาก ๆ ต้องมองไปที่น้องแบม BAM เพราะเป็นหุ้นอีกตัวที่โดนรินขายไม่หยุดหย่อน แม้ราคาหุ้นจะลงมาลึกมาก ๆ แต่ราคาหุ้นก็ไม่มีแรงดีดกลับอย่างมั่นคง วานนี้ถึงเห็นราคาหุ้นยืนป้อแป้ที่ระดับ 10.30 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 65 ล้านบาท เมื่อเทียบกับราคาหุ้นในช่วงต้นปียืนอยู่แถว 16 บาท น่าจะเป็นภาพสะท้อนความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจกำลังมีปัญหาเจ้าค่ะ

เรื่องข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น BYD เพื่อชี้ให้เห็นสภาพราคาหุ้นที่ไหลลงมาเรื่อย ๆ จากที่เคยขึ้นไปทำราคาสูงสุดที่ระดับ 16.10 บาทในช่วงเดือน ก.ย. 65 แต่วันนี้ราคาหุ้นยืนปิดที่ระดับ 5.75 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 3.36% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 37 ล้านบาท เดี๊ยนมองเป็นเรื่องของแรงกดดันที่มาทุกทิศทุกทาง จึงบังคับให้นักเล่นต้องขายหุ้นออกมาเป็นระยะพะย่ะค่ะ

สถานการณ์ข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องยกตัวอย่างหุ้น TQM เพื่อชี้ให้เห็นการลงมายืนที่ระดับ 26 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 34 ล้านบาท ท่ามกลางค่า PE 19 เท่า โดยราคาหุ้นยังอยู่ในทิศทางขาลงแบบนี้ น่าจะเป็นการสะท้อนความกังวลที่มีต่อผลงานในอนาคต ส่งผลให้นักลงทุนสถาบันเลือกที่จะอยู่เฉย ๆ มากกว่าเข้าไปไล่หุ้นเหมือนในยุคที่เศรษฐกิจเฟื่องฟูเจ้าค่ะ

ตบท้ายกันที่หุ้น “เจ๋ง ๆ เก๋า ๆ” เพื่อเป็นข้อมูลให้แฟนคลับไปคิดเป็นการบ้านดีกว่า และตัวที่เดี๊ยนชอบเม้าท์ถึงบ่อย ๆ ก็หนีไม่พ้น WHA ซึ่งทำผลงานในปีที่ผ่านมาได้อย่างยอดเยี่ยม และในปีนี้น่าจะทำผลงานได้ดีเหมือนเดิมนั้น เมื่อนำมาเทียบกับราคาหุ้นในกระดานที่ระดับ 4.66 บาท ลบไป 0.06 บาท หรือลงไป 1.27% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 262 ล้านบาท ซึ่งเป็นการเทรดบน PE 18 เท่า มันน่าสนใจจริงไหมเอ่ย?

Back to top button