เงินเฟ้อออสซี่พุ่ง & คาเฟ่ปิดกิจการเพิ่ม

ข้อมูลจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และการลงทุนประเทศออสเตรเลีย พบว่า ธุรกิจที่ล้มละลาย ช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีตัวเลขสูงสุดรอบ 8 ปี


ข้อมูลจากคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และการลงทุนประเทศออสเตรเลีย พบว่า ธุรกิจที่ล้มละลาย ช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา มีตัวเลขสูงสุดรอบ 8 ปี หลังจากมาตรการช่วยเหลือด้านโควิด-19 จากรัฐบาลหมดอายุลง โดยส่วนมากเป็นอุตสาหกรรมก่อสร้าง แต่ผู้เชี่ยวชาญ มองว่า ตัวเลขการปิดกิจการธุรกิจประเภทโรงแรม ร้านอาหาร และบริการอื่น ๆ จะทะยานสูงขึ้นช่วงปีหน้า

ส่วนหนึ่งสาเหตุหลักของการเพิ่มขึ้นของอัตราเงินเฟ้อออสเตรเลีย คือ ราคาพลังงานที่พุ่งสูงขึ้นมากถึง 30% หลังสงครามรัสเซีย-ยูเครน สร้างความติดขัดในตลาดถ่านหิน และก๊าซธรรมชาติ ขณะที่ต้นทุนสินค้าขายส่ง สูงขึ้นจากสภาพอากาศที่ไม่เป็นใจมานานหลายปี

“ออสเตรเลีย” ยังเผชิญกับปัญหาอัตราการว่างงานที่ต่ำ จนเกือบแตะจุดต่ำสุดเป็นประวิติการณ์ ส่งผลให้ต้องขึ้นค่าจ้าง รวมถึงธุรกิจที่ให้บริการอำนวยความสะดวกจำพวกโรงแรม และร้านอาหารด้วยเช่นกัน นอกจากนั้นเหตุการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ส่งผลให้ร้านคาเฟ่ จำเป็นต้องพึ่งพาผู้ให้บริการรับส่งอาหาร ที่ต้องหักเงินส่วนรายได้ออกจากร้านไปอีกส่วนหนึ่งด้วยเช่นกัน

“ธนาคารกลางออสเตรเลีย” มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยช่วง 14 เดือนที่ผ่านมา เป็นการเพิ่มอย่างรวดเร็วที่สุดเท่าที่เคยมีมา แม้ว่าจะเห็นการหยุดขึ้นดอกเบี้ยช่วงเดือน พฤษภาคม แต่ธนาคารกลาง ออกมาเตือนแล้วว่า ยังอาจขึ้นดอกเบี้ยต่อไปอีกหากอัตราเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูงหรือมีปรับลดลงช้าเกินไป

กลุ่มนักเศรษฐศาสตร์และผู้เชี่ยวชาญ ระบุว่า อุตสาหกรรมคาเฟ่ ในประเทศออสเตรเลีย มีมูลค่าสูงถึง 10,000 ล้านดอลลาร์ออสเตรเลีย (ประมาณ 6,600 ล้านดอลลาร์สหรัฐ) อย่างไรก็ตาม อุตสาหกรรมขนาดใหญ่นี้กำลังจะเป็นแห่งแรกที่ได้รับความเสียหายอย่างหนัก จากค่าใช้จ่ายด้านสาธารณูปโภค ต้นทุนการผลิต ค่าแรง และค่าเช่า รวมถึงการชะลอตัวของการใช้จ่ายอย่างฟุ่มเฟือยของชาวออสเตรเลียจากภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น

รายงานผลการวิเคราะห์ของรอยเตอร์ จากคำสั่งซื้อในคาเฟ่ ที่ได้รับความนิยม พบว่า ต้นทุนสำหรับการทำสเต็กแซนด์วิชชิ้นหนึ่ง รวมถึงต้นทุนต่าง ๆ เช่น ค่าเฟ่สำหรับหั่นเนื้อ ปรับตัวสูงขึ้น 1 ใน 6 ช่วง 2 ปีที่ผ่านมา ขณะที่การใช้จ่ายฟุ่มเฟือยคงอยู่ระดับเดิม ส่งผลให้อัตรากำไรหายไปถึง 10% ส่วนต้นทุนการทำกาแฟแฟลตไวท์ ซึ่งเป็นที่นิยมมากสุดในออสเตรเลีย ปรับตัวสูงขึ้นถึง 1 ใน 5

นั่นทำให้ร้านคาเฟ่ มีกำไรที่หดตัว ลูกค้าประจำเริ่มน้อยลง และผู้ประกอบการทยอยกันปิดกิจการ.!!

Jack Hanna อดีตแชมป์โลกลาเต้อาร์ต กล่าวว่า ค่าครองชีพเริ่มส่งผลกระทบต่อพฤติกรรมของลูกค้า โดยเฉพาะลูกค้าประจำที่มักจะมาสั่งอาหารกินเป็นกิจวัตร ผู้คนเริ่มไม่ยอมใช้เงินไปกับสิ่งที่ฟุ่มเฟือยและไม่จำเป็น เพราะการเข้าไปซื้อสินค้าในซูเปอร์มาร์เก็ต ทำให้หมดเงินไปมากแล้ว โดยร้านจำเป็นที่จะต้องขึ้นราคาอาหาร และเครื่องดื่ม เพื่อจ่ายค่าแรงให้พนักงาน ทั้งนี้ Jack Hanna เพิ่งปิดร้าน Goodsline Café ที่ตั้งอยู่ในตัวเมืองซิดนีย์ เมื่อเดือนก่อน หลังจากเพิ่งเปิดร้านไปได้แค่ 2 ปี และสูญเงินลงทุนแต่งร้านประมาณ 1.5 ล้านออสเตรเลียดอลลาร์ 

ส่วน Damian Krigstein ที่เปิดร้านใกล้กับ Goodsline Café และเป็นคนช่วย Hanna ปิดร้าน ระบุว่า เขาเตรียมจะเปลี่ยนร้านของเขาให้เหลือเพียงเฉพาะซื้อกลับบ้านเท่านั้น เพื่อเป็นการลดต้นทุน นอกจากนี้ยังกล่าวว่า เมื่อมองไปรอบ ๆ จะเห็นร้านค้าเซ้งกิจการ ส่วนสถาบันต่าง ๆ ที่ตั้งอยู่มานานก็ปิดกิจการแล้ว ส่วนคนออสเตรเลีย ก็มีความเป็นอยู่ที่แย่ลง

ช่วงก่อนเกิดโควิด-19 ธุรกิจโรงแรม ร้านอาหาร รีสอร์ต และสถานที่ให้บริการต่าง ๆ คิดเป็นสัดส่วน 1 ใน 3 ของธุรกิจขนาดเล็กในออสเตรเลีย ที่ลงโฆษณาขายกิจการ อย่างไรก็ตามตัวเลขล่าสุดปรับตัวขึ้นมา จนเกือบถึงครึ่งหนึ่งของโฆษณาขายกิจการแล้วและราคาขาย มีส่วนลดมากถึง 50%ของมูลค่าขายในอดีต

แหละนี่กำลังบ่งบอกชัดเจนว่า..ร้านค่าเฟ่ออสเตรเลีย กำลังเข้าสู่ภาวะ “เสือลำบาก” มากขึ้นแล้วจริง ๆ..!!?

Back to top button