TITLE ใต้ร่มโพธิ์ใหม่.!
ถ้าพูดถึง TITLE เป็นหุ้นอสังหาฯ ไซซ์เล็ก ที่มุ่งเน้นพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมแบบ Low rise ภายใต้แบรนด์ “The Title” เน้นทำเลพื้นที่ใน จ.ภูเก็ต
ถ้าพูดถึงบริษัท ร่มโพธิ์ พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) หรือ TITLE เป็นหุ้นอสังหาฯ ไซซ์เล็ก ที่มุ่งเน้นพัฒนาโครงการคอนโดมิเนียมแบบ Low rise ภายใต้แบรนด์ “The Title” เน้นทำเลพื้นที่ใน จ.ภูเก็ต มีกลุ่มเป้าหมายเป็นลูกค้าต่างชาติ…
TITLE เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ มาเกือบ 6 ปีแล้ว (เข้า 2 พ.ย. 2560) แต่เข้ามาได้ไม่นานก็เจอวิกฤตโควิดสกัดขา…ตอนนั้นแม้จะมีเงินจากการระดมทุนเต็มหน้าตัก แต่พอมาเจอสถานการณ์โควิดลากยาว 2-3 ปี ก็ทำให้เงินในหน้าตักร่อยหรอลงเรื่อย ๆ โอกาสที่จะขยับขยายก็ยากขึ้น
จากผลประกอบการที่เคยเติบโตดีมาโดยตลอด ก็สะดุดหัวทิ่มถึงขั้นพลิกมาขาดทุน 2 ปีซ้อน โดยปี 2563 มีรายได้รวม 88 ล้านบาท ขาดทุน 48 ล้านบาท และปี 2564 มีรายได้รวม 76 ล้านบาท ขาดทุน 114 ล้านบาท…
ล่าสุดสถานการณ์เริ่มดีขึ้น…เริ่มเห็นกำไรอีกครั้ง แต่ยังไม่สามารถไปยืนในจุดเดิมได้..!!
จากสถานการณ์ดังกล่าว ทำให้ “เด่นดนัย หุตะจูฑะ” ในฐานะผู้ก่อตั้งและถือหุ้นใหญ่ TITLE ในสัดส่วน 57.79% ต้องยอมถอยฉากออกมา…แล้วเปิดโอกาสให้บริษัท แอสเซทไวส์ จำกัด (มหาชน) หรือ ASW ของ “กรมเชษฐ์ วิพันธ์พงษ์” เข้ามาเซ้งกิจการต่อ ด้วยการซื้อหุ้นยกล็อตสัดส่วน 57.79% จาก “เด่นดนัย” ราคาหุ้นละ 2.50 บาท มูลค่ารวมทั้งสิ้น 1,042.92 ล้านบาท…ซึ่งถ้าไม่มีอะไรผิดแผน คาดว่าดีลนี้จะปิดจ๊อบภายในเดือน ก.ค. 2566 นี้
และเนื่องจากซื้อหุ้นเกิน 50% ซึ่งตามเงื่อนไข ASW ต้องประกาศตั้งโต๊ะทำเทนเดอร์ฯ หุ้นที่เหลือสัดส่วน 42.21% ในราคาหุ้นละ 2.50 บาทด้วย…ก็ว่ากันไป
แต่มีอีกซ็อตที่น่าสนใจ นั่นคือ ASW จะออกหุ้นเพิ่มทุนแบบเฉพาะเจาะจง หรือ PP ให้กับ “เด่นดนัย” จำนวน 43 ล้านหุ้น คิดเป็น 4.73% ที่ราคาหุ้นละ 8.40 บาท มูลค่ารวมทั้งสิ้น 361.20 ล้านบาท…
เท่ากับว่า การซื้อหุ้น TITLE ของ ASW ครั้งนี้ การชำระค่าหุ้นไม่ได้จ่ายเป็นเงินสดทั้งก้อนน่ะสิ แต่ใช้วิธีสว็อปหุ้น หรือแลกหุ้นกัน…โดย ASW จะไปเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ของ TITLE ในสัดส่วน 57.79% ส่วน “เด่นดนัย” จะมาเป็นผู้ถือหุ้นเบอร์ 3 ของ ASW ในสัดส่วน 4.73%..!!
โอเค…แม้ “เด่นดนัย” จะสูญเสียความเป็นเจ้าของใน TITLE ไป แต่ก็มาถือหุ้นทางอ้อมผ่าน ASW แทน…ก็ไม่เสียหายกระไร
ส่วนแวลูที่ซ่อนอยู่ในตัว TITLE ต้องบอกว่าน่าสนใจ เพราะนอกจากเป็นบริษัทที่มีสถานะการเงินแข็งแกร่ง ณ สิ้นไตรมาส 1/2566 มีเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดติดกระเป๋ากว่า 192.37 ล้านบาท มีกำไรสะสมยังไม่ได้จัดสรรกว่า 145.27 ล้านบาท แถมยังได้ชื่อว่าเป็นบริษัทเกือบไร้หนี้อีกต่างหาก โดยมีส่วนของหนี้สินระยะยาวที่ถึงกำหนดชำระภายในหนึ่งปีแค่ 1 ล้านบาทเท่านั้น
ที่สำคัญ TITLE มีโครงการที่อยู่ระหว่างการพัฒนา อาทิ โครงการ THE TITLE V RAWAI ซึ่งปิดการขายแล้ว 100% ทยอยโอนกรรมสิทธิ์ไปแล้วกว่า 89% และโครงการ THE TITLE HALO 1 NAIYANG เปิดการขายเมื่อปลายปี 2565 ณ ไตรมาส 2/2566 มียอดขายแล้วกว่า 79% จาก 329 ยูนิต ซึ่งจะสามารถรับรู้รายได้ภายในไตรมาส 1 ปี 2567
ไม่นับรวมที่ดินรอการพัฒนาอีกกว่า 80 ไร่ ในทำเลศักยภาพอย่างหาดในยาง, หาดราไวย์ และหาดบางเทา ที่สามารถพัฒนาโครงการในอนาคตได้ถึง 9 โครงการ รวมมูลค่าโครงการกว่า 14,000 ล้านบาท อีกนะเนี่ย…
ทีนี้คงพอเข้าใจแล้วเนอะว่า ทำไม ASW ถึงยอมทุ่มเงินก้อนโตเพื่อรวบหัวรวบหางกินตรงกลาง TITLE..!!
ส่วน TITLE เมื่อมาอยู่ใต้ร่มโพธิ์ใหม่จะเร้าใจขึ้นอ๊ะป่าว..? เป็นช็อตที่ต้องติดตามกันต่อไป
ที่แน่ ๆ ถ้าถามว่าดีลนี้ใครแฮปปี้สุด คงหนีไม่พ้น “เด่นดนัย” เพราะนอกจากได้ปลดเปลื้องจาก TITLE แล้ว ยังมีเงินเข้ากระเป๋าก้อนโตอีกราว 681.72 ล้านบาทอีกนะเนี่ย…
น่าอิจฉาจัง..!!
…อิ อิ อิ…