แกว่งตามการเมือง

หลังจากการเลือกตั้ง พ.ค.2566 ดัชนีหุ้นไทยแกว่งไปตามสถานการณ์ทางการเมือง แม้จะมีการวิเคราะห์กันไปว่า ปัจจัยต่างประเทศจะมีผลต่อหุ้นไทยเป็นหลัก


หลังจากการเลือกตั้งช่วงปลายเดือน พ.ค. 2566

ดัชนีหุ้นไทยจแกว่งไปตามสถานการณ์ทางการเมือง

แม้จะมีการวิเคราะห์กันไปว่า ปัจจัยต่างประเทศ เช่น ขึ้นดอกเบี้ยของเฟด  เศรษฐกิจจีน จะมีผลต่อหุ้นไทยเป็นหลัก

แต่ผ่านมาถึงตอนนี้ปฏิเสธไม่ได้แล้วว่า ปัจจัยภายใน จากประเด็นการเมืองนี่แหละ

คือแรงกดดันที่แท้จริง

อย่างวานนี้ในช่วงเช้า ดัชนีวิ่งขึ้นในแดนบวกประมาณ 15 นาที

ก่อนจะลงมาเคลื่อนไหวในแดนลบ 20 นาที

แต่เมื่อมีข่าวว่า คณะกรรมการการเลือกตั้ง มีมติส่งศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยคุณสมบัติ “พิธา” พ้นจากการเป็น ส.ส.หรือไม่ กรณีจากการถือหุ้น ITV และขอให้สั่งหยุดปฏิบัติหน้าที่

หลังจากมีข่าวออกมา

ดัชนี SET ดีดกลับทันที ขึ้นมาเคลื่อนไหวในแดนบวก

กระทั่งขึ้นไปสูงสุด 1,507 จุด บวก 10.05 จุด

โดยหุ้นที่พาดัชนีขึ้นมา เป็นกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ที่ปรับลงก่อนหน้านี้จากนโยบายของก้าวไกล

เช่น กลุ่มโรงไฟฟ้า GULF GPSC BGRIM EGCO GUNKUL

และกลุ่มสื่อสารโทรคมนาคม เช่น ADVANC INTUCH THCOM

แต่หลังจากมีข่าวว่า สำนักงานศาลรัฐธรรมนูญ ยังไม่พิจารณารับคำร้องของ กกต.ในวันนี้ (12 ก.ค.) เพียงแต่รับคำร้องในทางธุรการแล้ว และจะนำคำร้องดังกล่าว เสนอต่อศาลรัฐธรรมนูญในครั้งต่อไป

ทำให้ดัชนีหุ้นเริ่มย่อตัวลงมา

ประกอบกับข่าวการจัดชุมนุมในหลายพื้นที่ที่จะมีตามเข้ามา

ส่งผลหุ้นวานนี้กลับมาปิดในแดนลบ หรือลดลง 5.82 จุด ปิด 1,491.14 จุด

ด้วยมูลค่าการซื้อขายกว่า 52,288 ล้านบาท

ส่วนหุ้นที่วิ่งขึ้นมาแรงในช่วงภาคเช้าทั้ง 8 หุ้นนั้น

หลังจากปิดตลาดแล้วมีอยู่ 6 หุ้นที่ยังปิดในแดนบวกได้

และมีอยู่ 2 หุ้นคือ INTUCH และ GUNKUL ลงมาปิดในแดนลบ

กลับมาสู่คำถามของนักลงทุนที่ว่า แล้วทิศทางตลาดหุ้นวันนี้จะไปต่ออย่างไร

เท่าที่คุยกับบรรดานักวิเคราะห์

ดัชนียังแกว่งตัวในกรอบแคบต่อไป คือ 1,480-1,510 จุด

หรือหากเกิดเหตการณ์ไม่คาดฝัน หรือนอกเหนือจากคาดการณ์ ดัชนีอาจลงมาบริเวณ 1,460–1,450 จุดได้

ทว่า ดัชนีที่แนวรับดังกล่าวถือเป็นจังหวะของการเข้า “ซื้อสะสม”

กลุ่มหุ้นที่แนะนำเป็นหุ้นขนาดใหญ่หรือ บิ๊กแคป โฟกัสในกลุ่ม SET50 เป็นหลัก เช่น กลุ่มธนาคาร ท่องเที่ยว ค้าปลีก รวมถึงน้ำมัน คือ PTT และ PTTEP

ส่วนหุ้นขนาดกลางและเล็ก หากหุ้นไหนที่ไม่ได้มีปัจจัยบวกเฉพาะตัวแบบชัดเจน

มีคำแนะนำให้เลี่ยงลงทุน

พร้อมกับให้หันมาถือเงินสด 50%

หากจะถามต่อว่า มีการประเมินเกี่ยวกับทิศทางการจัดตั้งรัฐบาลกันไว้อย่างไร

ส่วนใหญ่นักวิเคราะห์จะมองว่า หากเพื่อไทย ยังจับมือกับก้าวไกล แล้วนายกฯ มาจากเพื่อไทย จะมีผลกระทบจากการเมืองนอกสภาฯ ค่อนข้างจำกัดกว่าที่เพื่อไทยเปลี่ยนขั้วแล้วหันไปจับมือกับ ภูมิใจไทย และพลังประชารัฐ

Back to top button