JASIF กับ DIF
หากย้อนหลังไป 3-4 ปีก่อนหน้านี้ ทั้ง JASIF กับ DIF เป็นหุ้นกองทุนโครงสร้างพื้นฐานฯ ที่มีการจ่ายเงินปันผล เทียบเป็น “ผลตอบแทน” ที่ดีมาก
หากย้อนหลังไป 3-4 ปีก่อนหน้านี้
ทั้ง JASIF กับ DIF เป็นหุ้นกองทุนโครงสร้างพื้นฐานฯ ที่มีการจ่ายเงินปันผล เทียบเป็น “ผลตอบแทน” ที่ดีมาก หรือเฉลี่ยประมาณ 8-9% ต่อปี
ทำให้นักลงทุนระยะยาวทั้งรายบุคคล และสถาบัน ต่างเข้ามาสะสมหุ้นสองตัวนี้ไว้ในพอร์ต โดยเฉพาะ DIF
ทว่า ในตลาดหุ้นไม่มีอะไรที่แน่นอน
อย่าง DIF ที่ถูกวิเคราะห์ว่า น่าจะค่อนข้างปลอดภัย (กว่า JASIF) วันดีคืนดี มีข่าวร้ายเข้ามา
ทำให้กระทบกับราคาหน่วยลงทุน จากเดิมที่เคลื่อนไหว 13.00 บาท (+/-)
ต้องลงมาเหลือเพียง 10.50 บาท (+/-)
จากความเสี่ยงและความกังวล เช่น “กลุ่มทรู” ที่ถือหุ้นใหญ่ จะขายหน่วยลงทุนมาอีกหรือไม่
เหตุผลเพราะผลประกอบการที่ไม่ดีของกลุ่มทรู จึงอาจจะต้องการเงินสดเข้ามาเพิ่ม จนต้องตัดสินใจขายหน่วยลงทุนเพิ่ม (เพราะยังมีช่วงให้ขายได้อีก)
หรือแม้กระทั่งสัญญาเช่าเสาที่จะหมดลง (ก.ย. 2576) และปัจจัยลบอื่น ๆ
ส่งผลนักลงทุนต้องปรับพอร์ตขาย DIF ออก เพื่อลดความเสี่ยง
นักลงทุนหลายคนที่ฝากการลงทุนไว้กับ DIF ด้วยต้นทุนระดับ 12.00-13.00 บาท
ต่างหน้ามืดไปตาม ๆ กัน
ใครที่ยังพอมีเงินสด ต้องตามลงมาซื้อเพื่อถัวเฉลี่ยต้นทุนให้ต่ำลง หรือใกล้เคียงกับราคาปัจจุบันให้มากสุด
หรือไม่ก็ต้องยอมปล่อยติดดอย แล้วทนรับปันผลไปเรื่อย ๆ
แต่ก็อย่าลืมว่า หากยิ่งใกล้วันครบอายุของกองทุน หรือสัญญาเช่าเสา
ราคาต่อหน่วยลงทุนจะค่อย ๆ ปรับลงมาอีก ซึ่งเป็นปกติของหุ้นกองทุนโครงสร้างพื้นฐานฯ เว้นแต่จะมีการขยายสัญญาเช่า หรือมีการเติมสินทรัพย์เข้ามายังกองทุน
JASIF เองก็เช่นกัน
เป็นหุ้นกองทุนโครงสร้างพื้นฐานฯ ที่มีนักลงทุน เช่น วัยเกษียณ หรือนักลงทุนระยะยาว เข้ามาลงทุนจำนวนมาก
แต่เมื่อกลุ่มแอดวานซ์ฯ (ADVANC) เข้ามาถือหุ้นใน JAS และ JASIF
พร้อมกับขอปรับเปลี่ยนเงื่อนไขสัญญาเช่าต่าง ๆ ทำให้ผลตอบแทน (ยีลด์) น่าจะลดลงในอนาคต (แต่ก็แลกกับอายุของสัญญาที่ยาวนานขึ้น)
ส่งผลราคาต่อหน่วยฯ วูบลงหนักเช่นเดียวกับ DIF
ล่าสุด TTTBB ได้ยื่นต่อบลจ.บัวหลวง ในฐานะผู้จัดการกองทุน เพื่อขอปรับเงื่อนไขอีกรอบ หลังจากรอบแรกไม่ผ่าน เพราะผู้ถือหน่วยลงทุนส่วนใหญ่ไม่อนุมัติ
มีการวิเคราะห์ว่า การมารอบสองนี้
น่าจะมีความมั่นใจแล้วว่า “ผ่าน” เกี่ยวกับการขอเปลี่ยนแปลงเงื่อนไขสัญญาเช่าต่าง ๆ
แม้ว่าราคาหน่วยลงทุนของ JASIF จะลงมาเคลื่อนไหวที่บริเวณ 7.00 บาท (+/-) แล้วก่อนหน้านี้
แต่พอมีข่าวออกมาจาก บลจ.บัวหลวง
ทำให้ราคาต่อหน่วยลงมาเคลื่อนไหวบริเวณ 6.80-7.00 บาท หรือต่ำกว่าเดิมอีกเล็กน้อย
มีนักลงทุนถามว่า ราคา JASIF จะปรับลงอีกหรือเปล่า
คำตอบคือ “ตอบยาก” มาก ๆ
เพราะเข้าใจว่า น่าจะมีนักลงทุน (รายย่อย) ที่ต้องการขายออกเพื่อลดความเสี่ยง จากที่กลัวว่าราคาจะลงไปอีก บวกกับน่าจะมีการเล่น “เกมราคา” เข้ามาผสมอยู่ด้วย เช่น บีบให้ (รายย่อย) มีการขายหรือยอมคลายหน่วยลงทุนกันออกมา แล้วเข้าเก็บในราคาเหมาะสม
มีนักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้ว่า ราคา JASIF หากจะย่อลงอีก
อาจลงมาเคลื่อนไหว 6.50-6.70 บาท ก็ได้ ซึ่งเมื่อใกล้ขึ้นเครื่องหมาย XD ราคาน่าจะกลับมาที่ 6.80-6.90
และพอหลังขึ้น XD อาจจะกลับลงมาที่บริเวณ 6.50–6.60 บาท (+/-)
ดังนั้น หากใครต้องการซื้อเพื่อถัวเฉลี่ย ให้ไปดักรอหลังขึ้น XD โน่นเลยจะดีกว่า
ส่วนทั้ง DIF และ JASIF ราคาจะกลับมานิ่งเมื่อไหร่นั้น
กรณีของ JASIF คงต้องรอให้ดีลทุกอย่างจบก่อน
ส่วน DIF จะต้องเกิดความชัดเจนเกี่ยวกับกลุ่มทรู รวมถึงสัญญาเช่าเสาต่าง ๆ