หุ้นกำไรแกร่ง!
ในเมื่อตลาดหุ้นไทยกำลังลุ้นการมาของพรรคเพื่อไทยแบบใจจดใจจ่อ แต่ยังต้องฝ่าด่านด้อมส้มให้ได้เสียก่อนนั้น
ในเมื่อตลาดหุ้นไทยกำลังลุ้นการมาของพรรคเพื่อไทยแบบใจจดใจจ่อ แต่ยังต้องฝ่าด่านด้อมส้มให้ได้เสียก่อนนั้น “โมนิก้า” เลยถือจังหวะนี้เฟ้นหุ้นหลากหลายรูปแบบ เพื่อรองรับการกระชากขึ้นรอบใหม่ของตลาดหุ้นไทย จนมาเจอข้อมูลที่เกี่ยวกับ “Net Profit Margin” หรือที่ภาษาการเงินเรียกว่า “อัตรากำไรสุทธิ” เลยกลายเป็นท็อปปิกใหญ่ที่อยากจะเม้าท์ถึงมากสุดไงล่ะคะ
ประกอบกับตลาดหุ้นไทยเริ่มเข้าสู่โหมดประกาศงบไตรมาส 2 พอดี “โมนิก้า” เลยเชื่อว่า นี่คือลายแทงหุ้นเนื้อหอมที่แฟนคลับน่าจะรับไปพิจารณาดูสักครั้ง เพราะสิ่งที่ทุกคนกำลังจับตามองอยู่วันที่ 19 ก.ค. ซึ่งเป็นวันโหวตนายกฯ รอบสอง และหากผลโหวตออกมาเหมือนกับการโหวตรอบแรก ตลาดหุ้นไทยก็คงมีอาการกระดี๊กระด๊าอีกครั้ง ส่งผลให้การซื้อหุ้นวันนี้เป็นการดักซื้อก่อนความจริงปรากฏไงล่ะคะ
ฉะนั้นการที่ดัชนีแกว่งตัวไปมาแคบ ๆ ตลอดทั้งวัน ก่อนกระชากขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,528.77 จุด บวกไป 10.85 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.64 หมื่นล้านบาท ย่อมเป็นสัญญาณที่ชี้ให้เห็นว่า ตลาดหุ้นไทยพร้อมที่จะไปต่ออย่างแรง แต่เรื่องดังกล่าวจะเป็นจริงขนาดไหน? ต้องขึ้นอยู่กับการเมืองชัดเจนในทุกมิติ ซึ่งหลายคนเก็งไปในทางเดียวกันว่า เริ่มเห็นแสงสว่างปลายอุโมงค์มากขึ้นเรื่อย ๆ นะจะบอกให้
ด้วยสถานการณ์ดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” อยากเอ่ยถึงหุ้น INTUCH มากกว่าใครทั้งสิ้น เพราะเป็นหุ้นที่มี “อัตรากำไรสุทธิ” สูงสุดในรอบที่ผ่านมา แถมยังให้ Yield ที่ให้ในแต่ละปีอยู่ที่ระดับ 4% พ่วงด้วยการเทรดบน PE 22 เท่า จึงกลายเป็นหุ้นที่ทนต่อแรงเสียดทานได้ค่อนข้างดี เดี๊ยนจึงไม่แปลกใจที่วานนี้หุ้นขึ้นมายืนอยู่ที่ระดับ 77 บาท บวกไป 1.75 บาท หรือขึ้นไป 2.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 400 ล้านบาท และมีลุ้นขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 80 บาทอีกครั้งด้วยนะจ๊ะ
ถัดมาเป็นรายของยักษ์หลับอย่าง SPCG ซึ่งกลายเป็นหุ้นที่มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ระดับ 54% และให้อัตราเงินปันผลตอบแทนเฉลี่ยในช่วงหลายปีที่ผ่านมาอยู่ในระดับ 6% ขณะที่การเทรดของหุ้นในช่วงหลัง ๆ ไม่เคยเกิน PE 6 เท่าแบบนี้ “โมนิก้า” ถึงมองราคาปิดที่ระดับ 12.50 บาท บวกไป 0.10 บาท หรือขึ้นไป 0.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 10 ล้านบาท เป็นระดับที่น่าสนใจมาก ๆ สำหรับคนที่มีเงินเย็นเหลือเฟือเจ้าค่ะ
ประเด็นข้างต้นทำให้เดี๊ยนต้องเอ่ยถึงหุ้น BCPG โดยไม่กระดากใจแม้แต่นิดเดียว เพราะเมื่อดูจากความสามารถในการทำกำไร และการต่อยอดในการปั๊มรายได้ ถือเป็นจุดเด่นที่หลายคนมองข้ามไปเสียได้! “โมนิก้า” จึงขอตั้งคำถามกับแฟนคลับว่า การยืนปิดที่ระดับ 9.60 บาท บวกไป 0.45 บาท หรือขึ้นไป 4.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 120 ล้านบาท ท่ามกลางการเทรดบน PE 15 เท่า มันไม่น่าลงทุนตรงไหน?..ช่วยตอบหน่อยค่ะ
เช่นเดียวกับในรายของ DMT ซึ่งเห็นกันทนโท่ว่า บริษัทเดินหน้าปั๊มรายได้ใหม่ ๆ อย่างต่อเนื่อง และยังลุ้นคว้างานเพิ่มตลอดเวลา แต่วันนี้ราคาหุ้นกลับยืนได้แค่ระดับ 12 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 4.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 23 ล้านบาท “โมนิก้า” ย่อมมองเป็นโอกาสของลงทุนล้านเปอร์เซ็นต์ แถมหุ้นตัวนี้ติดหนึ่งใน 20 หุ้นที่มีอัตรากำไรสุทธิช่วงไตรมาส 1 แบบนี้..มันเป็นจังหวะของการไหลตามน้ำโดยไม่มีข้อแม้นะจะบอกให้
อีกรายที่อยู่ในโมเมนตัมสวย และยังทรงสวยไม่สร่าง “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้น TCAP มากเป็นพิเศษ เพราะมองในมุมของผลงาน ก็ทำได้เสมอต้นเสมอปลาย หรือมองในมุมของปันผล ก็ยังคงเส้นคงวาเหมือนเดิม และเมื่อเหลือบดูจากค่า PE 9 เท่า ก็มั่นใจได้ว่า การยืนปิดที่ระดับ 49.50 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 1% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 62 ล้านบาท นี่เป็นหุ้นที่นักลงทุนน่าจะมีติดพอร์ตไว้บ้างเจ้าค่ะ
ปิดกันที่หุ้นตัวตึง “เจ้าเก่า เจ้าเดิม” ที่ยังทำผลงานได้ยอดเยี่ยม แต่ราคาหุ้นในกระดานกลับตรงกันข้ามอย่างสิ้นเชิง และเหตุผลที่ทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น JMT อีกครั้ง ก็มาจากการติดโผหุ้นที่มีอัตรากำไรสุทธิสูงสุด เดี๊ยนเลยมองว่า การยืนปิดที่ระดับ 36.50 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 2.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 729 ล้านบาท ยังเป็นระดับที่เข้าลงทุนได้ก็เท่านั้นเอง..จริงหรือไม่ ก็ไปคิดกันดูนะจ๊ะ