พาราสาวะถี
มาเร็วกว่าที่คาดคือผลการพิจารณาของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่รับคำร้องของ กกต.ไว้พิจารณาพ่วงด้วยการสั่งให้ พิธา หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ทันที
มาเร็วกว่าที่คาดคือผลการพิจารณาของตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ที่รับคำร้องของ กกต.ไว้พิจารณาพ่วงด้วยการสั่งให้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ หยุดปฏิบัติหน้าที่ ส.ส.ทันที ขณะที่ที่ประชุมรัฐสภากำลังถกกันถึงข้อบังคับการประชุมที่ 41 จะสามารถเสนอชื่อหัวหน้าและแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีของพรรคก้าวไกลในการโหวตรอบที่สองได้หรือไม่ จากเดิมทีที่มองว่าผลจากศาลรัฐธรรมนูญน่าจะออกมาในช่วงบ่าย นั่นจึงทำให้บรรยากาศหน้าสภาเดือดขึ้นมาทันที ส่วนในสภาก็รู้ชะตากรรมพิธาทันทีว่าจะผ่านการโหวตหรือไม่
ทุกอย่างเมื่อเป็นหวยล็อกมันย่อมไม่มีวันที่จะออกทางอื่นได้ ความจริงสัญญาณทางการเมืองไม่ว่าจะเป็น 8 พรรคร่วมตั้งรัฐบาลหรือฝ่ายตรงข้าม ก็น่าจะรับรู้มาในทิศทางเดียวกัน เพียงแต่ต้องเก็บอาการกันไว้เพื่อเดินกันให้สุดทางก่อน มิเช่นนั้น พิธาคงไม่ตัดพ้อผ่านการให้สัมภาษณ์คืนก่อนจะมีโหวตนายกฯ รอบสอง “ผมได้รับเลือกมาเป็นอันดับหนึ่ง ใจคอจะผลักผมไปเป็นฝ่ายค้านจริง ๆ เหรอครับ” มันย่อมสะท้อนถึงการยอมรับสภาพไปไม่ถึงฝันได้เป็นอย่างดี
ขณะเดียวกัน อาการของฝ่ายเพื่อไทยในฐานะพรรคอันดับสองแม้พยายามจะเก็บกันอย่างไร แต่ก็ไม่มิด นายแพทย์ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคพูดถึงการถอยของก้าวไกลแล้วดันแคนดิเดตนายกฯ ของพรรคเข้าสู่การพิจารณาแทนว่ารอแถลงการณ์อย่างเป็นทางการจากพรรคอันดับหนึ่งก่อน เป็นการให้เกียรติและสื่อถึงกองเชียร์ฝ่ายประชาธิปไตยก่อนว่า ไม่ใช่ความอยากที่จะเป็นจนเสียมารยาท แต่ทุกอย่างถึงทางตันจำเป็นต้องเลือกเดินกันแบบนี้
คำถามตัวโตที่ตามมา ก้าวไกลถอยให้เพื่อไทยนำ ยังจะคงเป็นสูตร 8 พรรคร่วมเดิมไม่ดึงพรรคไหนมาเพิ่ม แล้วดัน เศรษฐา ทวีสิน ให้ที่ประชุมรัฐสภาเลือกเพื่อหยั่งท่าทีว่าจะผ่านหรือไม่อย่างนั้นหรือ ตรงนี้สถานการณ์ก็ไม่น่าจะแตกต่างกัน เมื่อฝ่ายตรงข้ามตั้งป้อมชัดเจนแล้วว่า ถ้ามีก้าวไกลไม่โหวตให้ ขณะที่การดึงพรรคอื่นมาร่วม ซึ่งในที่นี้ก็มีเพียงพรรคสืบทอดอำนาจและภูมิใจไทย ทั้งสองพรรคก็ประกาศชัดถ้ามีพรรคอันดับหนึ่งก็จะไม่ร่วมด้วย ปิดประตูตายการร่วมงานกันไปแล้ว
ภายใต้บริบททางการเมืองเช่นนี้ เท่ากับเป็นภาคบังคับ หากเพื่อไทยจะเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล จำเป็นต้องสลัดมือแยกทางกับก้าวไกล แม้จะรู้ว่าการร่วมงานกับภูมิใจไทยและพลังประชารัฐจะต้องรับแรงกระแทกทางการเมือง และความเสี่ยงต่อผลการเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างไร แต่เหตุผลที่จะยกมาอ้างคือบ้านเมืองจะขาดช่วงโดยให้มีรัฐบาลรักษาการไปนานจนกว่า ส.ว.จะหมดอำนาจในการร่วมโหวตเลือกนายกฯ เดือนพฤษภาคมปีหน้าไม่ได้
จำเป็นต้องเลือกอนาคตของประเทศและดูแลปัญหาของประชาชนเป็นสำคัญ ส่วนประเด็นที่ว่าเมื่อเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล โดยดึงเอาพรรคจากขั้วอำนาจเดิมมาร่วมด้วยนั้นอำนาจการต่อรองต่อเก้าอี้รัฐมนตรีก็จะตกไปอยู่กับพรรคภูมิใจไทย ยอมได้หรือไม่ นาทีนี้ไม่ได้มีเพียงแค่ประเด็นได้เป็นแกนนำตั้งรัฐบาล ได้กลับสู่อำนาจบริหารประเทศ มีโอกาสได้แสดงฝีมือการแก้ปัญหาเพื่อหวังเรียกคะแนนสนับสนุนจากประชาชนคืนเท่านั้น แต่ยังมีเงื่อนไขเรื่องการเดินทางกลับประเทศของ ทักษิณ ชินวัตร เป็นสิ่งสำคัญด้วย
ความเป็นไปได้ที่ 8 พรรคร่วมจะจับมือกันเดินตลอดรอดฝั่งส่งพิธาถึงฝันนั้น มันเห็นถึงความยากตั้งแต่ กกต.มีมติก่อนวันโหวตเลือกนายกฯ ครั้งแรกแล้ว ต่อเนื่องจนถึงวันที่ศาลรัฐธรรมนูญนัดพิจารณาเรื่องนี้ ไม่มีอะไรชัดไปกว่านี้อีกแล้ว นี่เป็นการเมืองหน้าฉากที่เห็นกัน แต่เบื้องหลังการเดินสายเปิดเกมต่อรองมันไปไกลมากกว่านั้น ที่บอกกันว่าไม่มีแผนสองความจริงมันมีแผนหลายชั้น เพราะการเลือกนายกฯ ภายใต้รัฐธรรมนูญสืบทอดอำนาจ ตัวชี้วัดมันไม่ได้อยู่ที่เสียงของประชาชนและผลการเลือกตั้ง
ไม่เพียงเท่านั้น แม้จะมีการเปลี่ยนสูตรเพื่อไทยนำผลักก้าวไกลไปเป็นฝ่ายค้าน ยังไม่อาจการันตีได้ด้วยซ้ำไปว่าเสนอชื่อเศรษฐาแล้วจะได้รับความเห็นชอบจากพวกลากตั้งหรือไม่ เพราะความตั้งใจของพวกอยากอยู่ยาวคือ ส่งพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ขึ้นทำเนียบนายกฯ คนที่ 30 หลังจากแบกเสลี่ยงให้น้องเล็กสุดที่รักนั่งมานานหลายปีดีดัก กรณีนี้ก็มีการเดินเกมของฝ่ายกุนซือคนใช้ใจบันดาลแรงในการที่จะสร้างโปรไฟล์และจัดเตรียมแผนการขับเคลื่อนเพื่อให้เป็นที่ยอมรับของสังคมไว้เสร็จสรรพเรียบร้อย
สิ่งที่จะเข้ากับการเดินทางกลับบ้านเกิดของนายใหญ่คือ กระบวนการนำพาประเทศก้าวข้ามความขัดแย้ง การออกกฎหมายที่ไม่ได้เอื้อให้เพียงคนคนเดียว แต่จะรวมไปถึงผู้ที่ได้รับผลกระทบจากการถูกดำเนินคดีทางการเมืองทั้งหลายด้วย แนวทางนี้หากพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ได้รับความไว้วางใจจริง เราก็จะได้เห็นในรายละเอียด แน่นอนว่า เนื้อหาจะต้องไม่เหมือนกับร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมสุดซอยที่เป็นเหตุให้รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ต้องมีอันเป็นไปก่อนรัฐประหาร 2557
ส่วนประเด็นที่ว่าเพื่อไทยอุตส่าห์พลิกมาเป็นแกนนำตั้งรัฐบาลแล้ว ยังจะยอมให้ถูกปาดหน้าแย่งตำแหน่งนายกฯ ไปอย่างนั้นหรือ ภายใต้หนทางตีบตันที่มองเห็นอยู่ข้างหน้า การยอมถอยเพื่อให้คนที่อยากเป็นได้สมหวัง อีกด้านเป็นการแลกกับการที่กลไกของขบวนการสืบทอดอำนาจไม่ต้องปัดฝุ่นเรื่องร้องยุบพรรคมาเล่นงานถือว่าสมน้ำสมเนื้อ การตั้งไข่รัฐบาลให้ได้แล้วเดินหน้ากันในห้วงระยะเวลา 1-2 ปี เพื่อรอการเปลี่ยนแปลงจึงไม่ใช่เรื่องเสียหายในสายตาของผู้บัญชาการรวมทั้งผู้บริหารพรรคนายใหญ่
ไม่ว่าบทสรุปของการโหวตเลือกนายกฯ จะลงเอยอย่างไร สถานการณ์ทางการเมืองอันเนื่องมาจากการเคลื่อนไหวของมวลชนที่สนับสนุนพรรคก้าวไกลจะกลายเป็นเรื่องที่ต้องเฝ้าจับตามอง อย่างที่ย้ำทุกครั้ง ชัยชนะของพรรคที่พิธาเป็นหัวหน้าเกิดจากหัวคะแนนธรรมชาติ เป็นปรากฏการณ์ที่ไม่มีใครคาดคิด หากเกิดม็อบธรรมชาติ ไม่อยากจะคาดคิดว่าการรับมือของเจ้าหน้าที่จะออกมาแบบไหน การใช้กำลังจะไม่เหมือนที่เคยใช้กับม็อบคนหนุ่มสาวก่อนหน้านั้น คงเหมือนที่หลายฝ่ายช่วยกันเตือน รวมทั้งที่พิธาโพสต์หลังพ้นจากเก้าอี้ ส.ส.“กาก้าวไกลประเทศไทยไม่เหมือนเดิม” และประเทศไทยจะไม่มีวันกลับไปสู่จุดเดิมอีก