หุ้นวิ่งแรง
สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยอาจดูอืดๆ ตือ ๆ ไปบ้างก็จริง แต่อย่างน้อยก็ทำให้เดี๊ยนเห็นโอกาสที่ดัชนีจะทะยานขึ้นต่อแบบไม่มีเงื่อนไข
สถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยอาจดูอืดๆ ตือ ๆ ไปบ้างก็จริง แต่อย่างน้อยก็ทำให้เดี๊ยนเห็นโอกาสที่ดัชนีจะทะยานขึ้นต่อแบบไม่มีเงื่อนไข เพราะเกมการเมืองใกล้จะถึงการเปลี่ยนขั้วเต็มที และเรื่องนี้ก็ได้รับการตอบรับจากแรงช้อนซื้อหุ้นเมื่ออ่อนตัวลงมา “โมนิก้า” ถึงมองเป็นจังหวะของการเก็บของเพื่อไปขายในราคาที่แพงกว่า ซึ่งเป็นเรื่องที่นักลงทุนรับรู้กันอย่างกว้างขวาง แต่ยังไม่มีใครกล้าแทงม้าแบบสุดซอยก็เท่านั้นเองจ้า!
ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ไม่ได้รู้สึกกังวลกับการแกว่งตัวไปมาของดัชนี ก่อนจะยืนปิดที่ระดับ 1,536.64 จุด บวกไป 1.34 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.17 หมื่นล้านบาท เพราะมันเป็นเรื่องปกติของตลาดหุ้นที่กำลังรอบางอย่างที่เป็นรูปธรรม วันนี้เลยอยากนำเสนอกลุ่มหุ้นวิ่งแรงในช่วงครึ่งเดือน ก.ค. เพื่อทำให้ทุกคนได้เห็นภาพการเคลื่อนตัวของดัชนีมันล้อไปกับเรื่องที่ พท. กำลังจะได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลนะคะ
งานนี้ใครจะหาว่า “ลำเอียง” หรือ “เข้าข้าง” ก็ช่างหัวปะไร เพราะข้อเท็จจริงของเรื่องราวที่เกิดขึ้นมันเป็นแบบนี้ “โมนิก้า” ไม่สามารถบิดพลิ้วกับสิ่งที่เกิดขึ้นได้ จึงอยากให้แฟนคลับมองไปข้างหน้าพร้อมกันว่า หุ้นเหล่านี้น่าลงทุนเหมือนกับข้อมูลที่เดี๊ยนคัดกรองออกมานำเสนอไหม? ขณะเดียวกันก็อยากรู้เหมือนกันว่า แฟนคลับมีความคิดเห็นไปในทางเดียวกันกับอีฉันมากขนาดไหน? พะย่ะค่ะ
หุ้นตัวแรกที่ติดโผวิ่งแรง และอิงกับการเมืองสุด ๆ “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น XPG เพราะเมื่อดูจากการขยับตัวขึ้น 20% มันล้อไปกับเรื่องแจกเงินดิจิทัลแบบแยกกันไม่ออกจริง ๆ และภายใต้สมมติฐานดังกล่าวก็ทำให้ขาลุยเดินหน้าเก็งกำไรแบบสุดซอย เดี๊ยนถึงอยากถามนักเล่นว่า การยืนปิดที่ระดับ 1.16 บาท ลบไป 0.04 บาท หรือลงไป 3.33% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 170 ล้นบาท ยังมีโอกาสไปต่อไหมจ๊ะ
รายถัดมาที่ตอกย้ำเรื่องกองทุนในและนอกยังมีมุมมองที่ดีต่อหุ้นไทยก็คือ การทะยานขึ้นของหุ้น DELTA ในช่วงที่ผ่านมาสูงถึง 16% ซึ่งนัยหนึ่งเป็นเรื่องของหุ้นที่ต้องมี และอีกนัยหนึ่งก็คือกำไรโตจริง “โมนิก้า” เลยต้องออกโรงถามนักเล่นเหมือนทุกครั้งว่า การยืนปิดที่ระดับ 105.50 บาท ลบไป 1.50 บาท หรือลงไป 1.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 912 ล้านบาท โดยยอดเก่าที่ทำไว้อยู่แถว 120 บาท มันน่าสนใจขนาดไหนจ้า!
อีกหนึ่งรายที่ล้อไปกับการเมืองชัดยิ่งกว่าชัดก็คือ THCOM เพราะเป็นหุ้นที่ให้ผลตอบแทนสูงถึง 14% และเมื่อดูยอดเก่าที่หุ้นทำไว้อยู่แถว 17 บาท มันทำให้เชื่อว่า การที่หุ้นยืนปิดที่ระดับ 12.40 บาท ลบไป 0.20 บาท หรือลงไป 1.59% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 133 ล้านบาท คือจังหวะที่เหมาะต่อการซื้อสวนขนาดไหน และเรื่องนี้ก็ได้รับการซัพพอร์ตจากผลงานที่เขาว่ากันว่า ปีนี้แจ่มสุด ๆ ไงล่ะคะ
ส่วนรายที่สะท้อนภาพหุ้นที่วิ่งแรงในเดือน ก.ค. อีกรายก็คือ CHAYO ซึ่งตัวเลขที่ออกมาเป็นการวิ่งขึ้นถึง 14% เช่นกัน และถ้ามองบนความเชื่อที่ว่า หุ้นจะวิ่งไปหายอดแรกที่บริเวณ 8 บาท ถัดจากนั้นจะวิ่งขึ้นทดสอบแนวต้าน 9 บาท พร้อมกับตั้งสมมติฐานผลงานไตรมาส 3 ต่อเนื่องถึงไตรมาส 4 จะออกมาตามเป้าแบบนี้ การยืนปิดของหุ้นที่ระดับ 7 บาท บวกไป 0.20 บาท หรือขึ้นไป 2.94% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 21 ล้านบาท น่าเล่นไหมเอ่ย?
ส่วนรายที่ไม่อิงการเมือง และทำผลงานได้ยอดเยี่ยม “โมนิก้า” ต้องให้เครดิตกับหุ้น SAPPE แบบไม่มีข้อกังขา และเมื่อดูจากการทะยานขึ้นของหุ้น 13% ภายในเดือนเดียวควบคู่กับการทะยานขึ้นตั้งแต่ต้นปีจนถึงปัจจุบันปาเข้าไป 109% มันเป็นจังหวะที่นักเล่นต้องไตร่ตรองสักหน่อยว่า การยืนปิดที่ระดับ 92.75 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 0.54% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย75 ล้นบาท ยังมีแก๊ปให้ไปต่อไหม?..อิอิอิ
ตบท้ายกันที่หุ้น STEC ซึ่งไต่เพดานบินจากฐาน 8 บาทขึ้นมาอย่างช้า ๆ จนวานนี้ขึ้นมาปิดที่ระดับ 10.40 บาท บวกไป 0.55 บาท หรือขึ้นไป 5.58% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 417 ล้านบาท “โมนิก้า” มองเป็นช็อตของการเล่นตามน้ำสำหรับพวกขาลุย เพราะมองในมุมของการจัดตั้งรัฐบาลเป็นที่เรียบร้อย มักเห็นหุ้นรับเหมาก่อสร้างกลับมาโลดแล่นเป็นประจำ เลยเชื่อว่า เที่ยวนี้จะเป็นแบบนั้นอีกค่ะ