KBANK ที่ราคาต่ำเกิน
KBANK มีกำไรสุทธิสองไตรมาสแรกของปีนี้ -1.22% นั่นยังไม่เสียฟอร์มเท่ากับการเสียแชมป์ทำกำไรสูงสุดต่อเนื่องกันและเสียท่าให้กับคู่แข่งอย่าง SCB
ธนาคารใหญ่อย่าง KBANK มีกำไรสุทธิสองไตรมาสแรกของปีนี้ลดลง 1.22% นั่นยังไม่เสียฟอร์มเท่ากับการเสียแชมป์ทำกำไรสูงสุดต่อเนื่องกันและเสียท่าให้กับคู่แข่งอย่าง SCB ที่แซงกลับขึ้นมาทำกำไรสุทธิอย่างสวยงาม
ปฏิกิริยาของการที่ราคาหุ้นจะตกลงมาอยู่ที่แถว ๆ 125 บาทแม้จะดูเกินจริงไปบ้างแต่ก็เหมาะที่จะซื้อเข้าเก็บในพอร์ตอย่างยิ่ง เพราะราคาต่ำเกินกว่า บุ๊กแวลูที่ระดับ 226 บาทถึงกว่า 40% ยามนี้น่าซื้ออย่างยิ่งเมื่อคิดถึง อนาคตของผลประกอบการที่จะกลับคืนมาได้ไม่ยาก
ธนาคารกสิกรไทย (KBANK) รายงานผลประกอบการไตรมาส 2 ปี 2566 มีกำไรสุทธิ 10,994.27 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเล็กน้อย 1.85% จาก 10,793.75 ล้านบาทในช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน ในขณะที่ 6 เดือนแรกของปีนี้ กำไรสุทธิ 21,735.33 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อย 1.22% จาก 22,004.71 ล้านบาทของปีก่อน
นางสาวขัตติยา อินทรวิชัย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธนาคารกสิกรไทย เปิดเผยว่า แม้กิจกรรมทางเศรษฐกิจของไทยในไตรมาส 2 ปี 2566 ขยายตัวได้ต่อเนื่อง แต่ภาพการฟื้นตัวยังไม่กระจายตัวทั่วถึง เนื่องจากรายได้จากภาคการท่องเที่ยวยังฟื้นตัวในกรอบจำกัด โดยแรงกดดันจากปัญหาค่าครองชีพและภาระหนี้สินยังคงมีผลกระทบต่อการใช้จ่ายของภาคครัวเรือน ประกอบกับรายได้สินเชื่อเพื่อการส่งออกยังคงลดลงต่อเนื่อง
สำหรับในช่วงที่เหลือของ ปี 2566 นั้น แม้ว่าเศรษฐกิจไทยอาจประคองทิศทางการเติบโตได้ แต่แนวโน้มในภาพรวมยังคงเปราะบางและยังมีหลายปัจจัยที่ต้องติดตาม โดยเฉพาะปัจจัยทางการเมืองในประเทศ นโยบายเศรษฐกิจของรัฐบาลใหม่ สัญญาณการชะลอตัวลงของเศรษฐกิจโลก รวมถึงผลกระทบกับการที่ธนาคารยังคงดำเนินการตามหลักความระมัดระวังอย่างสม่ำเสมอในการพิจารณาตั้งสำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้น (Expected credit loss : ECL) ตามแนวทางที่ธนาคารมีการบริหารจัดการคุณภาพสินทรัพย์เชิงรุกอย่างต่อเนื่อง รวมถึงการจัดการลูกค้าธุรกิจรายใหญ่รายหนึ่งที่เริ่มมีสัญญาณความเสื่อมถอยในไตรมาสก่อน และได้มีสำรอง ครบถ้วนแล้วในไตรมาส 1 ปี 2566 แม้สินเชื่อดังกล่าวถูกจัดเป็นสินเชื่อที่มีการด้อยค่า
ด้านเครดิตในไตรมาส 2 ธนาคารก็ยังคงมีความแข็งแกร่งจากการเตรียมการมาก่อนหน้า อย่างไรก็ตาม สำรองในไตรมาส 2 นี้ แม้ว่ายังคงอยู่ในระดับสูงใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน และเพิ่มขึ้น 32.77% เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อน แต่มีความใกล้เคียงกับที่ธนาคารได้ประมาณการไว้ก่อนหน้า เพื่อรองรับสัญญาณการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก และปัจจัยทางเศรษฐกิจต่าง ๆ ที่ยังส่งผลให้การฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศยังไม่กระจายตัวทั่วถึง และส่งผลต่อลูกค้าบางกลุ่มที่ยังมีความเปราะบางอย่างต่อเนื่อง
คำสารภาพของนายธนาคารใหญ่อาจจะทำให้เกิดภาพลักษณ์ที่มัวหม่น แต่ที่ผ่านมาท่าทีระแวดระวังของนักการธนาคารแห่งนี้ดูจะเป็นธรรมเนียมไปแล้วไม่ใช่เรื่องแปลกประหลาดอะไร
ประเด็นคำถามก็คือ KBANK จะกลับมาทำกำไรแบบ 2 ปีที่ผ่านมาได้อีกเมื่อไร ดูจากสถานการณ์ล่าสุด SCB กำลังมาแรงมาก