ขายเพราะกลัว!
ดูเหมือนอารมณ์ของนักลงทุนจะเป็นลักษณะ “กล้า ๆ กลัว ๆ” จนนำไปสู่การขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต
ดูเหมือนอารมณ์ของนักลงทุนจะเป็นลักษณะ “กล้า ๆ กลัว ๆ” จนนำไปสู่การขายหุ้นเพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นในอนาคต ส่งผลให้ดัชนีร่วงลงมาปิดที่ระดับ 1,523.81 จุด ลบไป 5.44 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.06 หมื่นล้านบาท มันอาจเป็นเรื่องปกติที่เห็นได้เป็นประจำก็จริง แต่ทุกครั้งที่มีประเด็นที่ทำให้นักลงทุนกังวลขึ้นมาทีไร มักลงเอยด้วยการขายหุ้นทิ้งแบบไม่สนใจอะไรทั้งสิ้นพะยะค่ะ
วันนี้เลยต้องกลับมาเม้าท์กันว่า บรรยากาศลงทุนที่ลุ่ม ๆ ดอน ๆ จะดำเนินต่อไปอีกนานแค่ไหน? หลังเกมการเมืองเปลี่ยนไปเปลี่ยนมาตลอดเวลา จนนำไปสู่การเปิดทางเลือกที่ 3 เพื่อทำให้ประเทศเดินหน้าแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเกมที่แต่ละฝั่งรู้ดีแก่ใจว่า ผลลัพธ์สุดท้ายจะเป็นอย่างไร? แต่เผอิญพวกเด็กดื้อดันแผลงฤทธิ์อาละวาดไปทั่ว เลยต้องรอให้ทุกอย่างสุกงอมกว่านี้อีกนิดหนึ่ง ต่อจากจากนั้นค่อยรวบหัวรวบหางเจ้าค่ะ
ถามว่า “โมนิก้า” ชอบแนวทางแบบนี้ไหม? ขอตอบจากใจจริงว่า ไม่ชอบ! แต่ไม่มีทางเลือกอื่นที่ดีกว่านี้อีกแล้ว จึงขอดูเกมแบบวันต่อวัน หลังหุ้นการเมืองร่วงเป็นนกปีกหักทันทีที่รู้ว่า พท.อาจไม่ได้เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาล ผสานกับตลาดหุ้นไทยอยู่ในช่วงอ่อนไหวพอดี ส่งผลให้หลายอย่างประเดประดังเข้ามาไม่หยุดแบบนี้ มันเป็นไฟต์บังคับที่ทำให้คนที่เล่นรอบต้องตัดใจขายขาดทุนนะจะบอกให้
ขนาดหุ้นว่าที่นายกฯ อย่าง SIRI ยังถูกขายออกมาอย่างหนักตลอดทั้งวัน จนสุดท้ายมายืนปิดที่ระดับ 1.94 บาท ลบไป 0.08 บาท หรือลงไป 3.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.03 พันล้านบาท ก็เป็นภาพที่ตอกย้ำให้รู้ว่า เมื่อใดที่เกมการเมืองเปลี่ยน เมื่อนั้นเป็นจังหวะที่ต้องชิงทิ้งหุ้น และตีความได้ว่า ราคาหุ้นมีโอกาสลงต่อค่อนข้างสูง เพราะการขึ้นของหุ้นรอบนี้มาจากสตอรี่นายกฯ ล้วน ๆ จ้า!
ส่วนรายที่ทำให้นักเล่นผิดหวังอย่างแรง เพราะผลงานไตรมาส 2 ทรุดหนัก คงต้องมองไปที่หุ้น KKP เป็นรายถัดมา หลังราคาหุ้นทิ้งตัวลงมาปิดที่ระดับ 55.75 บาท ลบไป 4.75 บาท หรือลงไป 7.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.62 พันล้านบาท พร้อมกับทำราคาต่ำสุดในรอบ 1 ปี 9 เดือน แถมเมื่อย้อนดูทิศทางการเคลื่อนตัวของราคาหุ้นก่อนหน้านี้จะเห็นว่า ลงลูกเดียว! เดี๊ยนเลยสงสัยว่าจะมีราคาต่ำสุดใหม่ให้เห็นอีกนะจ๊ะ
ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น JMART เพื่อชี้ให้เห็นว่า นี่อาจเป็นรายถัดไปที่ต้องเผชิญกับแรงขายเมื่อประกาศงบไตรมาส 2 ซึ่งตอนนี้ทุกคนกำลังเฝ้าจับตาว่า “เคลียร์คัตตัดจบไหม?” และถ้าเป็นเหมือนที่คิดไว้จริง ๆ ราคาหุ้นก็คงลงอีกระดับหนึ่ง ต่อจากนั้นน่าจะเด้งกลับขึ้นมาใหม่ วันนี้เลยต้องเฝ้าดูการลงมาปิดที่ระดับ 15.70 บาท ลบไป 0.70 บาท หรือลงไป 4.25% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 293 ล้านบาทไปพราง ๆ ก่อนค่ะ
ในเมื่อบรรยากาศหลายอย่างไม่เอื้อต่อการทำธุรกิจ และกำลังซื้อของผู้คนหดหายไปเยอะ ก็อย่าแปลกใจที่หุ้นกลุ่มลีสซิ่งโดนขายเป็นระลอก เดี๊ยนเลยอยากให้นักเล่นเข้าใจสาเหตุที่ทำให้ MTC ไหลลงมาเรื่อย ๆ พร้อมกับแสดงอาการจะไหลลงไปหาโลว์เก่าที่บริเวณ 31 บาทแบบนี้ มันเป็นจังหวะของการรอช้อนเพียงอย่างเดียว หลังราคาหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 34.75 บาท ลบไป 1.75 บาท หรือลงไป 4.80% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 399 ล้านบาทแล้วน่ะซี
ส่วนรายที่ต้องเฝ้าระวังในมุมของราคาหุ้นที่ขึ้นเยอะ และมาพร้อมกับสตอรีโกรทที่เล่นกันมาพักใหญ่ “โมนิก้า” คงต้องมองไปที่หุ้น MOSHI เป็นรายถัดมา เพราะการทรุดฮวบลงมาปิดที่ระดับ 51 บาท ลบไป 3.50 บาท หรือลงไป 6.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 131 ล้านบาท ซึ่งเป็นการปิดราคาต่ำสุดของวัน ท่ามกลางการเทรดบน PE 58 เท่าในภาวะเศรษฐกิจขมุกขมัว มันอาจตีความได้ว่า หุ้นมีสิทธิ์ลงต่อนะเจ้านาย!
ขนาดหุ้นที่มาในแนวเดียวกันอย่าง BE8 ยังมีแรงขายออกมาเป็นระลอก จนดูเหมือนโลว์เก่าที่บริเวณ 38 บาทจะรับไม่อยู่แบบนี้ “โมนิก้า” คงต้องให้แฟนคลับประเมินการยืนปิดที่ระดับ 39.75 บาท ลบไป 1.75 บาท หรือลงไป 4.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 30 ล้านบาท มันมีประเด็นที่น่ากังวลมากขนาดไหน? และเมื่อดูจากการเทรดบน PE 62 เท่า มันเป็นระดับที่คุ้มกับการเข้าไปช้อนหุ้นอ๊ะป่าว?