ทิ้งก่อนหยุดยาว?

เมื่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยให้ความสำคัญกับประเด็นทางการเมืองเป็นหลัก จึงมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแนวความคิดให้สอดรับกับสตอรี่ที่เปลี่ยนตลอดเวลา


เมื่อการลงทุนในตลาดหุ้นไทยให้ความสำคัญกับประเด็นทางการเมืองเป็นหลัก จึงมีความจำเป็นต้องปรับเปลี่ยนแนวความคิดให้สอดรับกับสตอรี่ที่เปลี่ยนตลอดเวลา และแนวทางหลักที่ “โมนิก้า” อยากจะให้แฟนคลับนำไปพิจารณาก็คือ “ขายหุ้น” ในระหว่างที่การเมืองกำลังรอความชัดเจน และเป็นการลดความเสี่ยงก่อนหยุดยาว ซึ่งเป็นแนวปฏิบัติพื้น ๆ ที่พบเห็นได้ทุกครั้งนะจะบอกให้

ที่น่าสนใจคือ ตราบใดที่เส้นแนวรับ 10 วันยังทำหน้าที่ประคองดัชนีให้เหนือระดับ 1,520 จุดได้อย่างยอดเยี่ยม ก็ยังไม่มีเหตุที่ต้องตื่นตระหนกถึงขีดสุด เพราะยังมีเส้นแนวรับ 25 วันที่บริเวณฐานเก่า 1,506 จุดคอยซัพพอร์ตอีกชั้นหนึ่ง “โมนิก้า” ถึงอยากให้แฟนคลับอยู่กับความผันผวนดังกล่าวให้ได้ ยกเว้นทนกับความอึดอัดดังกล่าวไม่ได้จริง ๆ ก็ควรถอยฉากออกมาเพื่อความสบายใจจ้า

เรื่องราวข้างต้นสอดคล้องกับการแกว่งตัวไปมาของดัชนีวานนี้ จนสุดท้ายดัชนียืนปิดที่ระดับ 1,526.30 จุด บวกไป 2.49 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.24 หมื่นล้านบาท มันกลายเป็นอีกหนึ่งจุดเปลี่ยนสำคัญที่บอกให้รู้ว่า ดัชนียังไม่พร้อมขึ้นไปทดสอบแนวต้าน 1,550 จุด จึงต้องพิสูจน์ตัวเองด้วยการทดสอบแรงขายอีกสองสามวัน พร้อมกับย่ำฐานให้แน่นเสียก่อน ต่อจากนั้นถึงจะไต่เพดานบินอีกครั้งนะนายจ๋า!

เม้าท์ถึงหุ้นที่ผ่านการทดสอบแรงขายจนสะเด็ดน้ำ พร้อมกับเข้าสู่กระบวนการย่ำฐานสองสามวัน และเมื่อสบช่องก็ไต่ขึ้นมาเรื่อย ๆ “โมนิก้า” ต้องเหลือบมองไปที่ลูกท็อป TOP หลังทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 49.50 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 2% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.31 พันล้านบาท ทั้งที่ช่วงต้นเดือนยืนอยู่ที่ระดับ 42 บาท เดี๊ยนเลยมองว่า นี่อาจเป็นจังหวะของการโหนกระแสกระมัง!

ส่วนรายที่ทำท่าจะไปสวยอย่างหุ้น SCGP กลับกลายเป็นช็อตที่นักเล่นต้องคิดใหม่ เพราะการขึ้นมาปิดที่ระดับ 40 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 3.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 598 ล้านบาท มันเป็นการปิดใกล้บริเวณแนวต้านพอดี แถมครั้งก่อน ๆ ก็จอดป้ายแถวนี้เหมือนกัน “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นลองไปประเมินความเสี่ยงกันอีกครั้ง เพราะสถานการณ์ของตลาดหุ้นไทยพร้อมจะเปลี่ยนจาก “ดีเป็นร้าย” ตลอดเวลาน่ะซี

คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้น RATCH ซึ่งถูกถล่มขายอย่างหนักหน่วงตั้งแต่เช้าจรดเย็น ก็มาจากความกังวลว่า กำไรลดลงต่อเนื่องตั้งแต่ปี 68 จึงไม่มีใครอยากจะถือหุ้นไว้ในพอร์ตอีกต่อไป วานนี้ถึงเห็นราคาหุ้นไหลลงมาปิดที่ระดับ 35.25 บาท ลบไป 2 บาท หรือลงไป 5.35% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 748 ล้านบาท และมีแนวโน้มที่จะไหลลงไปทำโลว์ใหม่ในรอบหลายปีแบบนี้..โกยเถอะโยม!

ประเด็นดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น AWC เพื่อชี้ให้เห็นราคาหุ้นที่ไหลลงครั้งแรก ๆ มันทำให้เดี๊ยนเชื่อว่า ภาวะลงทุนไม่เป็นใจ แต่ทันทีที่ราคาหุ้นยังไหลลงเรื่อย ๆ ก็ทำให้เดี๊ยนต้องปรับความคิดใหม่อย่างเร่งด่วน เพราะการยืนปิดเสมอตัวที่ระดับ 4.34 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 355 ล้านบาท อาจตีความหมายได้ว่า แรงขายเริ่มสะเด็ดน้ำ แต่เมื่อดูจากการทำโลว์ในรอบ 1 ปี 7 เดือนแบบนี้..มันคืออิหยังวะ!

ส่วนรายที่สร้างความตกตะลึงไม่แพ้กับรายข้างต้น “โมนิก้า” ขอมองไปที่หุ้นป้ายโฆษณาอย่าง VGI เป็นรายถัดมา เพราะการที่หุ้นไหลลงแรมเดือนแบบไม่มีวอลุ่ม มันตีความหมายได้ว่า ไม่มีใครอยากเก็บหุ้นตัวนี้ไว้ในพอร์ต วานนี้ถึงเห็นราคาหุ้นลงมายืนปิดที่ระดับ 2.70 บาท ลบไป 0.08 บาท หรือลงไป 2.90% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 50 ล้านบาท พร้อมกับทำราคาต่ำสุดนับตั้งแต่ช่วงเข้าตลาดหุ้นใหม่ ๆ เมื่อปลายปี 2012 นะจ๊ะ

ตบท้ายกันที่หุ้น IIG เพื่อชี้ให้เห็นการกระชากขึ้นมาปิดที่ระดับ 18.80 บาท บวกไป 1.50 บาท หรือขึ้นไป 8.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 90 ล้านบาท ไม่ใช่ครั้งแรกที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ เพราะก่อนหน้านี้ประมาณ 3 วัน ก็เคยเกิดเหตุการณ์ในลักษณะนี้เช่นกัน “โมนิก้า” ถึงอยากให้นักเล่นที่พร้อมจะลุยแหลกจับตาดูหุ้นตัวนี้ให้ดี เพราะน่าจะมีการดันหุ้นทีเผลอเกิดขึ้นอีก..เชื่อหัวน้องโมเถอะ!

Back to top button