BBL กำไรผงาดกลับด้วยเคาน์เตอร์แอทแทค

บทเรียนของผู้เก๋าเกมของนายธนาคารที่ผ่านร้อนและหนาวมาโชกโชนยาวนาน 3 ชั่วคน ส่งผลให้ความลึกซึ้งช่วยกลบความหวือหวาของครึ่งปีแรก ต้องเชื่อว่าโดยส่วนใหญ่มาจากฝีมือของนายชาติศิริ โสภณพนิช ซึ่งรับมรดกมาจากบรรพชนที่ปูทางไว้อย่างดีจากนายชิน และนายชาตรี

การเน้นกลยุทธ์ตั้งรับแบบเคาน์เตอร์แอทแทคจนกลายมาเป็นดอกผลอันเป็นกำไรสุทธิ ที่สุดสวย ในยามที่เศรษฐกิจไทยเริ่มฟื้นตัวยุคหลังโควิด-19 ถือว่า BBL เป็นกลุ่มที่ฉกโอกาสจากสถานการณ์ได้เด่นสุด ยามนี้จากกำไรสุทธิเติบโตเกินกว่า 60% จากปีก่อน ในขณะที่เบอร์หนึ่งอย่าง KBANK กำลังโอนเอนเพราะเมาหมัดจาก NPL ของลูกค้ารายใหญ่ที่ไม่คาดคิดมาก่อน จนสะดุดขาตนเองคว่ำหน้าลงจูบดิน

ธนาคารกรุงเทพ หรือ BBL รายงานผลประกอบการในไตรมาส 2  ปี 2566 มีกำไรสุทธิ 11,294 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 62.2% จาก 6,961 ล้านบาท ในไตรมาสเดียวกันของปีก่อน และรวมครึ่งปีแรกปี 2566 มีกำไรสุทธิ 21,423 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 52.2% จาก 14,079 ล้านบาทในช่วงเดียวกันของปีก่อน

แม้ว่าการส่งออกของประเทศไทยยังคงเผชิญกับแรงกดดันจากอุปสงค์ทั่วโลกที่อ่อนตัวลงทำให้ในระยะข้างหน้าเศรษฐกิจไทยยังคงต้องเผชิญกับความเสี่ยงจากความไม่แน่นอนในระบบเศรษฐกิจโลกโดยเฉพาะอย่างยิ่งจากประเทศเศรษฐกิจหลักที่มีเงินเฟ้อยังอยู่ในระดับสูงต่อเนื่องและมีความเสี่ยงที่ภาวะเศรษฐกิจจะซบเซาลงและถดถอย รวมทั้งจากความผันผวนในตลาดการเงินโลก และจากความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์ที่ยืดเยื้อ ซึ่งเป็นปัจจัยสำคัญที่ต้องติดตามอย่างใกล้ชิดต่อ แต่ธนาคารยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่องดีกว่าตลาดโดยรวม

รายได้ดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้น 36.0% สอดคล้องกับภาวะอัตราดอกเบี้ยขาขึ้น จากการบริหารทุนที่จัดเจน ทำให้อัตราผลตอบแทนของสินทรัพย์ที่ก่อให้เกิดรายได้เพิ่มขึ้นสุทธิกับการเพิ่มขึ้นของต้นทุนเงินรับฝากและการปรับอัตราเงินนำส่งกองทุนเพื่อการฟื้นฟูและพัฒนาระบบสถาบันการเงินเข้าสู่ระดับเดิมตั้งแต่ต้นปี 2566 ส่งผลให้ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิเพิ่มขึ้นเป็น 2.88% รายได้ค่าธรรมเนียมและบริการสุทธิอยู่ในระดับใกล้เคียงกับงวดเดียวกันของปีก่อน

สำหรับค่าใช้จ่ายจากการดำเนินงานเพิ่มขึ้น 18.3% ตามกิจกรรมทางเศรษฐกิจที่เพิ่มขึ้น และส่วนหนึ่งจากค่าใช้จ่ายเพื่อการพัฒนาและปรับปรุงประสิทธิภาพการดำเนินงาน ขณะที่อัตราส่วนค่าใช้จ่ายต่อรายได้จากการดำเนินงานอยู่ในระดับที่ลดลงเป็น 47.1% สะท้อนการจัดการรีดลดน้ำหนักที่เกิดขึ้นจากภายในองค์กรเองที่ทรงประสิทธิผล

ทั้งนี้ จากการที่ธนาคารมีการตั้งสำรองด้วยความระมัดระวังอย่างต่อเนื่องจึงตั้งสำรองในไตรมาส 2 ปี 2566 อยู่ในระดับใกล้เคียงกับไตรมาสก่อน ทำให้สำรองผลขาดทุนด้านเครดิตที่คาดว่าจะเกิดขึ้นในงวดแรกปี 2566 ลดต่ำลง

การที่ผู้บริหารธนาคารยังคงยืนยันนโยบายเดิมคือตั้งรับแบบเคาน์เตอร์แอทแทค  ทำให้เชื่อมั่นได้ว่ากำไรสุทธิของธนาคารยังคงโดดเด่นส่งผลให้บุ๊กแวลูของ BBL ขึ้นมาอยู่ที่ 269 บาท เทียบกับราคาหุ้นที่อยู่ใต้ 170 บาท

ใครจะหาว่าราคาหุ้นตัวนี้ที่ ราคาปัจจุบันแพงเกิน คงจะบ้าหรือเพี้ยนไปแล้ว