พาราสาวะถี
การเมืองช่วงหยุดยาวยังคงมีเรื่องเร้าใจ และประเด็นความเคลื่อนไหวที่ชวนจับตา เสาร์ที่ผ่านมา สมบัติ บุญงามอนงค์ นัดชุมนุม พร้อม 2 ที่แยกอโศกมนตรี ก่อนที่จะเคลื่อนขบวนไปแยกราชประสงค์
การเมืองช่วงหยุดยาวยังคงมีเรื่องเร้าใจ และประเด็นความเคลื่อนไหวที่ชวนจับตา เสาร์ที่ผ่านมา สมบัติ บุญงามอนงค์ หรือ บก.ลายจุด นัดชุมนุม พร้อม 2 ที่แยกอโศกมนตรี ก่อนที่จะเคลื่อนขบวนไปแยกราชประสงค์ มวลชนที่เข้าร่วมถือว่าน่าสนใจ ที่เป็นไฮไลต์คือการแปรอักษร หลังจากที่ม็อบพร้อม 1 เปิดตัวอักษร ค. พร้อมคำอธิบายว่าคือ “คิดสิคิด อำนาจสูงสุดเป็นของประชาชน” มาหนนี้อักษรตัวที่สองคือ ห. โดยที่สมบัติบอกว่าคือ “เห็นหัวประชาชน”
แน่นอนว่า การนัดหมายชุมนุมแสดงออกเชิงสัญลักษณ์เช่นนี้เป็นการแสดงพลังส่งสัญญาณไปถึงการจัดตั้งรัฐบาลทั้งในส่วนของ 8 พรรคร่วม และขบวนการสืบทอดอำนาจที่พยายามทำทุกทางเพื่อให้พรรคร่วมแตกคอกัน ดังนั้น ผลของการโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีหนที่ 3 ซึ่ง วันมูหะมัดนอร์ มะทา ประธานรัฐสภานัดไว้ 4 สิงหาคมนี้ จะเป็นตัวบ่งชี้ว่าจะทำให้การชุมนุมขยายวงกว้างขึ้น เป็นม็อบธรรมชาติที่ทำให้ส่งผลต่อชะตากรรมของประเทศหรือไม่
ขณะที่อีกด้าน พรรคสืบทอดอำนาจนัดประชุมสามัญประจำปีของพรรค ก่อนการประชุมมีการแจ้งเรื่องการลาออกจากความเป็นหัวหน้าพรรคของ พลเอกประวิตร วงษ์สุวรรณ ส่งผลให้ต้องเลือกกรรมการบริหารพรรคชุดใหม่ ซึ่งก็ไม่ได้มีอะไรตื่นเต้น เพราะแค่ชั่วโมงเศษพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป.ก็ถูกเสนอชื่อกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคอีกหนแบบไร้คู่แข่ง ตำแหน่งที่มีการเปลี่ยนแปลงคือเลขาธิการพรรคที่ ธรรมนัส พรหมเผ่า คัมแบ็คกลับมาอีกกระทอก
นอกจากนั้น พี่ใหญ่ยังได้เซ็นแต่งตั้งน้องชายร่วมสายเลือด “บิ๊กป๊อด” พลตำรวจเอก พัชรวาท วงษ์สุวรรณ เป็นประธานที่ปรึกษาพรรคด้วย การที่ได้แม่บ้านคู่ใจพร้อมน้องชายมาเป็นกุนซือเคียงข้างเช่นนี้ มันยิ่งทำให้เห็นภาพของการแต่งตัวรอร่วมรัฐบาลชัดเจนขึ้น เดิมทีที่มีข่าวการลาออกจากหัวหน้าพรรคของพี่ใหญ่แก๊ง 3 ป. คนก็พากันเข้าใจว่าน่าจะเข้าข่ายเปิดทางให้พรรคสืบทอดอำนาจได้ร่วม 8 พรรคตั้งรัฐบาล ตามคำประกาศของพรรคก้าวไกล มีเราไม่มีลุง
แต่พลันที่ลุงถูกเลือกกลับมาเป็นหัวหน้าพรรคทันที ก็ทำให้มองกันว่าไม่น่าจะเป็นเช่นนั้นแล้ว แต่การเมืองอย่าเชื่อในสิ่งที่เห็น เช่นเดียวกันอย่าปักใจว่าคำพูดของนักการเมืองเป็นคำมั่นสัญญาที่จะไม่มีวันเปลี่ยนแปลง เพราะข่าวอีกด้านก็ค่อนข้างจะมั่นใจว่าเพื่อไทยไม่ทิ้งก้าวไกล พร้อมดึงพรรคอันดับ 3 มาร่วม เป็นการปิดสวิตช์ ส.ว.ไปโดยปริยาย ไม่ต้องพูดถึงเงื่อนไขที่พรรคอันดับ 1 ตั้งป้อมไม่ร่วมงานด้วย เช่นเดียวกับแถลงการณ์ของพรรคที่ อนุทิน ชาญวีรกูล ย้ำมาโดยตลอด
ประเด็นการถอยแก้ไขมาตรา 112 ขึ้นอยู่กับการหารือของ 8 พรรคร่วม ที่เพื่อไทยจะต้องนำผลการพูดคุยกับ ส.ว.และพรรคการเมืองขั้วตรงข้ามว่าติดขัดปัญหา ติดใจไม่ยกมือโหวต พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ ในการโหวตนายกฯ หนแรกเพราะอะไร โดยที่ก้าวไกลก็อยากรู้เหมือนกันว่าที่อ้างกันเรื่องมาตรา 112 นั้นต้องการให้พรรคปรับเปลี่ยนท่าทีหรือแก้ไขอย่างไร ถ้าลดเพดานแล้วตั้งรัฐบาลที่มาจากพรรคการเมืองซึ่งประชาชนเลือกมาได้ก็ยินดีที่จะพิจารณา
ในความหมายนี้จำเป็นต้องตัดคำว่ารัฐบาลที่มาจากพรรคการเมืองฝ่ายประชาธิปไตยออกไปก่อน เนื่องจากหากยังยึดหลัก 312 เสียงเดิมที่เวลานี้เหลือ 311 จากการไขก๊อกของ นครชัย ขุนณรงค์ ส.ส.ระยอง เขต 3 พรรคก้าวไกล ถ้ายังจะเดินกันไปแบบเดิมโดยหวังเสียงหนุนจาก ส.ว.หรือพรรคการเมืองอื่นจะโหวตให้คงเป็นเรื่องยากที่จะประสบความสำเร็จ ข้อเสนอให้รอไปอีก 10 เดือนก็ไม่มีทางเป็นไปได้ หากไม่ขยับอะไรเลยเกิดการพลิกขั้วขึ้นมาสถานการณ์บ้านเมืองจะไปกันใหญ่
การเดินเกมถอยของก้าวไกลหากเป็นไปตามข่าวที่ว่าจริง ไม่ใช่เรื่องเสียหาย กองเชียร์ด้อมส้มที่อยากจะให้พรรคได้เป็นรัฐบาลก็สมหวัง ด้วยความเชื่อมั่นของแกนนำก็มองไปถึงการเลือกตั้งครั้งหน้ามีโอกาสที่จะแลนด์สไลด์ได้ โดยความเป็นไปได้ของรัฐบาลผสมแม้จะมีเสียงที่มั่นคงในสภาผู้แทนราษฎร แต่ด้วยแนวคิด วิธีการ หลักการทำงาน รวมไปถึงการจัดสรรปันส่วนกระทรวงที่รับผิดชอบ เชื่อกันว่าน่าจะมีความเป็นไปได้ที่รัฐบาลเสียงข้างมากแต่หลายพรรคจะอยู่ไม่ครบเทอม และอาจจะไปเร็วกว่าที่คาดเสียด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม การจัดตั้งรัฐบาลโดยที่ไม่ใช่ขั้วอำนาจเดิม ก็ยังจะทำให้ภาคเอกชนและประชาชนพอที่จะคาดหวังเห็นถึงความเปลี่ยนแปลงได้ มากไปกว่านั้น ผลจากการเลือกตั้งที่ผ่านมาก็สะท้อนภาพชัดว่า คนส่วนใหญ่อยากได้ผู้นำประเทศและรัฐบาลที่มีวิสัยทัศน์ บริหารงานเป็น เมื่อเป็นเช่นนั้น ทุกพรรคที่เข้าร่วมรัฐบาลและมีคนของตัวเองเป็นรัฐมนตรี จึงต้องเร่งสร้างผลงานให้เป็นที่ปรากฏ เพราะทุกสิ่งที่ทำมันหมายถึงการชี้วัดอนาคตของพรรคที่สังกัดในการเลือกตั้งครั้งต่อไป
ประเด็นการเมืองที่ถูกจับตาอีกประการคงหนีไม่พ้นการกลับประเทศของ ทักษิณ ชินวัตร ที่ลูกสาวคนเล็กยืนยันวันว.เวลาน. พร้อมสถานที่ไว้เรียบร้อย แต่ถูกดักคอจากการข่าวของ ชูวิทย์ กมลวิศิษฏ์ ว่าจะไม่เป็นไปตามนั้นด้วยการโพสต์ข้อความผ่านเฟซบุ๊กระบุ ทักษิณยกเลิกกลับไทย สถานการณ์เปลี่ยน สัญญาณอันตราย เกินคาดเดา แซะในทำนองที่ว่าคนแดนไกลถูกหลอกซ้ำแล้วซ้ำอีก จนกระทั่ง แพทองธาร ชินวัตร ออกมาตอกกลับด้วยข้อความสั้น ๆ ว่า “เพ้อเจ้อ”
พอจะเข้าใจได้ การต่อรองหรือดีลลับที่ถูกเปิดมาสารพัดโพยนั้น ล้วนแล้วแต่มองกันตามหน้าเสื่อที่ตัวเองมี แต่ข้อเท็จจริงอยู่ที่ว่า มือประสานสิบทิศทั้งฝ่ายเพื่อไทยและผู้ที่ต้องการจะเข้าร่วมรัฐบาลนั้นเป็นใคร และรับสารจากไหน แน่นอนว่า หากตั้งรัฐบาลโดยยังมีก้าวไกล แล้วสามารถดึงพรรคการเมืองอื่นเข้าร่วมได้ นั่นไม่ได้หมายความว่าเป็นการตัดสินใจของผู้นำหรือกรรมการบริหารพรรคเหล่านั้น แต่เป็นคนระดับที่สามารถชี้นำและสั่งการได้ เมื่อเป็นคนในระดับนี้ย่อมการันตีและสร้างความมั่นใจกับคนที่อยากกลับว่ามาแล้วปลอดภัย ต่อให้อยู่ในคุกก็สะดวกและสบาย บางทีประเทศไทยอาจไม่เหมือนเดิมแล้วก็เป็นได้