TOP หุ้น เครือปตท. ที่ราคาต่ำสุด

TOP ราคาล่าสุดอยู่ที่แถว 50-51 บาท ทั้งที่กำไรสุทธิสวยงามสุดในกลุ่มบริษัทลูกเครือปตท. แล้ว สวนทรงกับราคาตามบุ๊กแวลูของบริษัทที่ระดับ 71 บาท


TOP ราคาล่าสุดอยู่ที่แถว 50-51 บาท ทั้งที่กำไรสุทธิสวยงามสุดในกลุ่มบริษัทลูกเครือปตท. แล้ว สวนทางกับราคาตามบุ๊กแวลูของบริษัทที่ระดับ 71 บาท

ถ้าเป็นนักลงทุนเน้นคุณค่าหรือวีไอที่แท้จริงต้องเก็บเข้าพอร์ตไว้รอขาขึ้นของราคาหุ้นรอบใหม่ของโรงกลั่นน้ำมันที่ใหญ่ที่สุดในอาเซียน

แต่แรงขายที่ยังถ่วงรั้งขาขึ้นของราคาก็ยังคงมีอยู่ต่อไปเพราะตลาดเกรงว่าการขาดทุนจากสต๊อกแบบที่เคยเกิดขึ้นในไตรมาสแรกของปีนี้ ทั้งที่ตลาดเองก็ยังไม่มั่นใจนักว่าขาลงของหุ้นโรงกลั่นจะเป็นจริง  แค่ไหน นักลงทุนจึงต้องใช้จินตนาการส่วนตัวสร้างมุมมองว่าหุ้นนี้มูลค่าต่ำเกินจริงหรือไม่

ในเอกสารของบริษัท ท็อปไตรมาสที่ 1 ก็ยังยืนยันว่า ขาขึ้นของราคาน้ำมันยังคงดำเนินต่อไปไม่ต้องห่วงว่าจะมีตัวเลขขาดทุนจากสต๊อกน้ำมันในมือ เพราะมีความชำนาญทางการเงินมากพอจากประสบการณ์ ที่ยาวนานของทีมงานบริหารด้านราคาน้ำมันของโลกมากเพียงพอในขณะที่การบริหารให้ส่วนต่างของราคาน้ำมันหรือที่เรียกว่าค่าการกลั่นยังคงสูงต่อไป

ในไตรมาสแรกของปีนี้ TOP โชว์กำไรสุทธิแตะ 4,554 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อน 36% แต่กำไรจากการบริหารที่ดีก็ช่วยสร้างพื้นฐานให้การขาดทุนจากสต๊อกน้อยกว่าคาดจากไตรมาส 4/2565 ถึง 2,997% มาร์จิ้นขยับขึ้นตามส่วนต่างที่ดี มีสต๊อกขาดทุน 3,339 ล้านบาท ในขณะที่มีมุมมองว่าไตรมาส 2 ราคาน้ำมันดิบดีขึ้น ค่ากลั่นยังทรงตัวสูง ทำให้คาดว่ากำไรสุทธิจะกลับมาเป็นบวกได้อีกครั้งในงวดครึ่งปีแรกจะยังคงสวยงาม

บริษัท ไทยออยล์ จำกัด (มหาชน) หรือ TOP รายงานผลประกอบการไตรมาส 1/2566 ว่าบริษัทมีกำไรสุทธิที่ 4,554 ล้านบาท ลดลง 36% เทียบงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไร 7,183 ล้านบาท แต่เพิ่มขึ้น 2,997% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน 

สำหรับไตรมาส 1/2566 เมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2565 กลุ่มไทยออยล์มีปริมาณวัตถุดิบที่ป้อนเข้าสู่กระบวนการผลิตของกลุ่มเพิ่มขึ้น เนื่องจากในไตรมาส 4/2565 มีการหยุดซ่อมบำรุงใหญ่ตามแผนในหน่วยกลั่นน้ำมันดิบหน่วยที่ 2 (Crude Distillation Unit-2: CDU-2) และหน่วยย่อยอื่น ๆ เป็นเวลา 26 วัน และบริษัท ไทยลู้บเบส จำกัด (มหาชน) (TLB) มีการหยุดซ่อมบำรุงตามแผนของบริษัทฯ 

โดยในช่วงไตรมาส 1/2566 กลุ่มไทยออยล์มีรายได้จากการขาย 115,943 ล้านบาท ลดลง 7,189 ล้านบาท ตามราคาขายน้ำมันอากาศยาน/น้ำมันก๊าด และน้ำมันดีเซลที่ปรับตัวลดลง หลังอุปทานน้ำมันจากรัสเซียยังคงมีระดับต่ำลง

TOP มีกำไรขั้นต้นจากการผลิตของกลุ่มไม่รวมผลกระทบจากสต๊อกน้ำมันอยู่ที่ 11.8 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เพิ่มขึ้น 0.7 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล เนื่องจากสาเหตุหลักจากส่วนต่างราคาน้ำมันเบนซินที่ปรับตัวเพิ่มขึ้นและรวมถึง Crude Premium ที่ปรับลดลง โดยเฉพาะส่วนต่างราคาน้ำมันดิบ Murban และ Arab Light กับราคาน้ำมันดิบดูไบ ซึ่งเป็นต้นทุนสำคัญปรับตัวลดลง

ความสามารถในการบริหารค่าการกลั่นไม่อาจปฏิเสธได้และยังน่าจะเป็นจุดแข็งของ TOP หากราคาน้ำมันยังคงกลับมาเป็นขาขึ้นระลอกใหม่ ทำให้ราคาหุ้นที่ต่ำกว่าบุ๊กแวลูน่าสนใจมากขึ้น

Back to top button