หุ้นเด่นเดือนสิงหาฯ
วานนี้ดัชนีปิดลดลง 5.78 จุด มาที่ 1,550.28 จุด ที่น่าสนใจคือ มูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นมาเกือบแตะ 6 หมื่นล้านบาท (54,924 ล้านบาท)
วานนี้ดัชนีปิดลดลง 5.78 จุด มาที่ 1,550.28 จุด
ที่น่าสนใจคือ มูลค่าการซื้อขายเพิ่มขึ้นมาเกือบแตะ 6 หมื่นล้านบาท (54,924 ล้านบาท)
ปัจจัยหลัก ๆ ที่กดดันหุ้นไทยวานนี้
มาจากปัจจัยภายนอกเป็นหลัก
ส่วนปัจจัยภายใน เรื่อง “การเมือง” เริ่มมีความชัดเจนมากขึ้น
ทำให้มองกันว่า เดือน สิงหาคมนี้ ดัชนีหุ้นไทยอาจจะกลับขึ้นไปที่ระดับ 1,600 จุดได้อีกครั้ง
ล่าสุดบล.เอเซีย พลัส จึงทำธีมหุ้นที่น่าสนใจในช่วงเดือน สิงหาคม 2566 ออกมา จากปัจจัยบวกที่กำลังเข้ามาหนุน
โดยมีการระบุว่า เดือน ส.ค.นี้ คาดหวังตลาดหุ้นไทยได้แรงหนุนจาก “ปัจจัยภายนอก” และ “ปัจจัยภายใน”
ปัจจัยภายนอก มาจากวัฏจักรดอกเบี้ยขาขึ้นใกล้จบ หลังจากเฟดขึ้นดอกเบี้ยมาแล้วใน 1 ปี 7 เดือน จาก 0.25% มาเป็น 5.5% ดอกเบี้ยที่ว่านี้ ถือว่าสูงกว่าเงินเฟ้อปัจจุบันที่ลดลงเหลือ 3% พอสมควร ส่งผลให้ตลาดคาดเฟดน่าจะคงดอกเบี้ยไปจนถึงต้นปี 2567
และความกังวลเศรษฐกิจโลกเผชิญ Recession ลดลงหลังจาก IMF มีการปรับคาดการณ์จีดีพีโลกปี 2566 ขึ้นจาก 2.8% เป็น 3%
สุดท้าย คือ จีนเตรียมออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติม
ถือว่าดีต่อเศรษฐกิจไทยที่มีมูลค่าการค้ากับไทยมากสุดเป็นอันดับ 1 หรือคิดเป็นสัดส่วนถึง 22% ของมูลค่ารวมทั้งโลก
ด้านปัจจัยภายในประเทศ หลัก ๆ มาจากการเมืองพ้นจุดที่ร้อนแรงที่สุดไปแล้ว
หลังผ่านระยะเวลาการเปลี่ยนผ่านรัฐบาลใหม่มาเกินกว่า 2 เดือนครึ่ง และน่าจะเห็นการเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจจากรัฐบาลใหม่ในช่วงที่เหลือของปี
และยังมาจากช่วงการรายงานกำไรบริษัทจดทะเบียนงวดไตรมาส 2/2566
จึงคาดว่าจะลดลงทั้งเมื่อเทียบไตรมาสที่ผ่านมา และเทียบช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่ในช่วงที่เหลือของปีคาดจะเห็นการเติบโตที่ดีขึ้น จากฐานกำไรที่ต่ำในช่วงครึ่งหลังของปี 2565 ที่ต่ำเพียง 4.04 แสนล้านบาท ปกติอยู่ในโซน 4.5–5 แสนล้านบาท
พร้อมกับแนวโน้มเศรษฐกิจที่มีโอกาสฟื้นตัวต่อเนื่อง
ทั้งจากนักท่องเที่ยวที่เพิ่มขึ้น การเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจของจีน และการเร่งกระตุ้นเศรษฐกิจในประเทศจากรัฐบาลใหม่
ในส่วนของฟันด์โฟลว์
แรงกดดันจากประเด็นการเมืองร้อนแรง และการเร่งขึ้นดอกเบี้ยนโยบายถึง 3 ครั้งในปีนี้ จาก 1.25% เป็น 2%
น่าจะค่อยๆ ลดน้อยลงส่งผลให้ฟันด์โฟลว์ต่างชาติมีโอกาสสลับเข้ามาซื้อสะสมหุ้นไทยเพิ่มเติม หลังจากผ่านช่วงสุญญากาศทางการเมือง
มีการประเมิน Valuation ด้วยวิธี Marketing Earning Yield Gap (MEYG) แบบอนุรักษนิยม
จะได้รับแนวทางพื้นฐานอยู่ที่ 1,480 จุด
แต่ถ้าลดระดับดอกเบี้ยนโยบายมาอยู่ที่ 2% จะได้แนวต้านพื้นฐานที่ 1,542 จุด
แต่ถ้าสภาพคล่องกลับมา รวมถึงต่างชาติสลับเข้ามาซื้อสุทธิหนุนให้แนวต้านพื้นฐานขยับขึ้นไปอยู่ที่ 1,610 จุด
สำหรับกลยุทธ์ลงทุนเดือน ส.ค. แนะนำหุ้น 3 ธีม
1.หุ้น CHINA PLAY คือ ERW, SCGP
2.หุ้น ELECTION PLAY คือ GPSC, CK, SIRI
และ 3.หุ้น EARNING MOMENTUM PLAY คือ PLANB, SNNP