สังคมข่าวหุ้น

ดัชนีหลุดแนวรับสำคัญ 1,530 จุด ยังไม่ถึงกับเลวร้ายมากนัก เพราะทางเทคนิคอยู่ประมาณนี้แหละ 1,530 จุด +/- ส่วนรับถัดไปคือ 1,525-1,520 จุด


ดัชนีหลุดแนวรับสำคัญ 1,530 จุด ยังไม่ถึงกับเลวร้ายมากนัก เพราะทางเทคนิคอยู่ประมาณนี้แหละ 1,530 จุด +/- ส่วนรับถัดไปคือ 1,525-1,520 จุด และว่ากันว่านี่คือแนว “รอซื้อ” ที่สำคัญ และให้โฟกัสกลุ่ม Domestic play ในกลุ่ม SET50 เช่น ค้าปลีก ไอซีที โรงพยาบาล พอที่จะปาเป้าเลือกได้เลย เพราะช่วงที่หุ้นดีดกลับ กลุ่มเหล่านี้จะวิ่งนำขบวน

กลุ่มธนาคาร ต้องขอบอกว่า หลายตัวราคามีอัพไซด์จำกัดแล้ว เช่น กรุงไทย KTB หากราคาบริเวณ 20.00-20.50 บาท รอบเล่นแคบมาก ๆ ต้องรอให้ราคาลงมา หรือมาดักที่ต่ำกว่า 19.50 บาท ค่อยน่าเล่นหน่อย หรือจะให้ดีบริเวณ 19.00 บาท ส่วน BBL รอดักบริเวณ 165 บาท และ KBANK คือ 120 บาท คือต้องมารับที่ระดับไว้ใจได้ หรือปลอดภัย และอย่าไปกลัวตกขบวน ส่วน KKP ระดับ 55.00–54.75 บาท ถือว่ายังค่อนข้างแข็ง ไม่ค่อยกล้าลงมาต่ำกว่านี้ เพราะเขามีเงินปันผลระหว่างกาลรออยู่

บมจ.เคซีจี คอร์ปอเรชั่น KCG เข้าซื้อขายวันแรกด้วยราคาไอพีโอ 8.50 บาท ระหว่างวันราคาลงไปต่ำสุด 7.90 บาท และสูงสุด 8.90 บาท ก่อนที่จะมาปิด 8.30 บาท ต่ำกว่าไอพีโอ 0.20 บาท ช่วงเวลาที่น่าสนใจของหุ้นตัวนี้คือ ครึ่งชั่วโมงแรกหลังเปิดตลาด และครึ่งชั่วโมงหลังก่อนปิดตลาด ราคาเหวี่ยงขึ้นลงมาก ๆ มีออเดอร์ขายฝั่ง Bid ออกทีเดียว 10-12 ช่อง จนรายย่อยเกิดการตกใจเทขายตาม หลังจากนั้นเข้าเจ้ามือกลับมารวบฝั่ง Offer ดันราคากลับ แบบรวดเร็วมาก จนเข้ามาซื้อเพิ่มกันไม่ทัน ส่วนวันนี้ ต้องจับตาดูว่า จะดึงราคากลับมาเหนือไอพีโอได้หรือไม่ หากยังไม่ได้ อาจจะเกิดปัญหาความเชื่อมั่นของหุ้นไอพีโอที่จะวูบลงมาอีก

หุ้นโรงพยาบาลอย่าง BH บวกสวนตลาด และ BDMS ยืนแข็งแกร่ง สวนดัชนีปิดลบ 21.27 จุด น่าจะสะท้อนมาจาก พอหุ้นลงแบบนี้ คนจะหันไปหาหุ้นกลุ่ม Defensive กันมากขึ้น หรือไม่ก็ราคาหุ้น BH ลงมา ณ จุดต่ำสุดที่เป็นแนวรับสำคัญแล้ว (210 บาท) ส่วนวันนี้หากวิ่งต่อ มีแนวต้านใหญ่คือ 225 บาท ส่วน BDMS เล่นเก็งกำไรในกรอบ 28.00-29.50 บาท น่าจะพอได้ และราคาไม่ควรลงมาต่ำกว่า 28.00 บาท

บมจ.ซีพี ออลล์ CPALL ราคาหุ้นน่าจะแกว่ง 60.00-61.00 บาท รอบเล่นราคาค่อนข้างแคบ คือ ราคาไม่น่าจะต่ำไปกว่านี้ (60.00 บาท) ขณะเดียวกันคงจะไม่ขึ้นไปมากกว่านี้มากนัก หากจะเข้าเล่น เก็งกำไรอย่างมากคงได้ 2-3 ช่อง หาค่าขนมกันไป อย่างวานนี้ราคาแนวรับ 61.25 บาท ไม่หลุด เพราะแรงเข้ามารับค่อนข้างเยอะ ดังนั้น หากจะเล่นแบบปลอดภัย ก็ต้องมารับที่แถวราคาดังกล่าวนั่นแหละ ส่วนแนวโน้มกำไรไตรมาส 2/2566 โบรกฯ ต่าง ๆ คาดการณ์กันไว้ระหว่าง 3.3–4.0 พันล้านบาท เพิ่มขึ้น 9-30% ประมาณนี้

JASIF ราคาลงหลัง 3BB ไม่ได้จ่ายเงินที่ค้างอีกกว่า 288 ล้านบาท แต่หากย้อนกลับไปดูที่ทาง 3BB ได้แจ้งไว้ก่อนหน้านี้เกี่ยวกับเรื่องของค่าเช่า จะพบว่า 3BB ได้แจ้งไว้แล้วว่า เงินค่าเช่าส่วนนี้จะขอหยุดจ่ายเป็นระยะเวลา 6 เดือน หรือ เริ่มจากเดิม ก.ค.-ธ.ค. 2566 แล้วจะไปจ่ายชดเชยให้ในช่วงเดือน ม.ค-มิ.ย. 2667 และจะเป็นการจ่ายตามสัญญาใหม่หลังจากได้รับการอนุมัติจากกลุ่มผู้ถือหน่วยแล้ว ส่วนเงินปันผลไตรมาส 2 ยังได้รับปกติ แต่ตั้งแต่ไตรมาส 3/2566 เป็นต้นไป อาจจะปรับลงมาเหลือ 0.17 บาท (+/- 0.1-0.2 บาท) ต่อหน่วยลงทุน ส่วนราคา 6.50/6.55 บาท ถือว่า เป็นแนวรับที่เข้าซื้อได้ เพราะหากสัญญาใหม่ออกมา เงินปันผลต่ำสุดที่คาดกันคือ 0.60 บาท ต่อปี เมื่อเทียบกับราคาหน่วยลงทุนที่ 6.50 บาท จะได้ อัตราผลตอบแทนเงินปันผลประมาณ 9.2% ถือว่าค่อนข้างดีอยู่นะ

Back to top button