ปตท. แย่ยกก๊วน?

สาเหตุที่ทำให้ “โมนิก้า” ยกตัวอย่างหุ้นกลุ่ม ปตท. ขึ้นมาเมาท์ในระหว่างที่ตลาดหุ้นไทยเกิดภาวะสุญญากาศ อันเป็นผลมาจากการเมืองยังไม่มีความชัดเจนในการจัดตั้งรัฐบาล เพราะต้องการชี้ให้เห็นสภาพโดยรวมของหุ้นกลุ่มนี้ไม่แย่เหมือนที่นักลงทุนคิด และยังทำให้รู้อีกครั้งว่า นักลงทุนสถาบันยังทยอยเก็บหุ้นกลุ่มนี้เป็นระยะ แต่ในขณะเดียวกันก็ทยอยปรับพอร์ตหุ้นกลุ่มอื่นแทนเจ้าค่ะ

ไทม์ไลน์ของเรื่องนี้เลยต้องวัดจากวันเลือกตั้งที่ 14 พ.ค. เพื่อย้ำให้เห็นว่า การเมืองมีผลต่อความเชื่อมั่นในการลงทุนจริง ๆ เพราะทันทีที่ผลออกมาว่า กก.เป็นพรรคที่ได้เก้าอี้มากสุด ดัชนีก็ร่วงผล็อยจากระดับ 1,560 จุด ลงมาอย่างรวดเร็ว ก่อนจะลงมาทำโลว์ในเที่ยวนี้ที่ระดับ 1,490 จุด ก่อนจะมีการตีกลับขึ้นไปยืนที่บริเวณ 1,560 จุด เมื่อมีกระแสข่าวว่า พท.จะเป็นแกนนำตั้งจัดตั้งรัฐบาลแทนไงล่ะคะ

บรรยากาศทุกอย่างดูเหมือนจะชื่นมื่นสุด ๆ แต่ก็มาสะดุดตรงการฟอร์มทีมรัฐบาลไม่ราบรื่น ส่งผลให้ดัชนีร่วงหนักกว่าเที่ยวก่อน และลงมาทำโลว์ใหม่ที่ระดับ 1,460 จุด ก่อนจะมีการเด้งกลับขึ้นไปที่บริเวณ 1,560 จุด เมื่อพรรคส้มกำลังจะถูกถีบหัวส่งให้ไปไกล ๆ หลังทำตัวงอแงเหมือนเด็กไม่ได้ของเล่น แต่ล่าสุดดัชนีก็ยืนปิดที่ระดับ 1,532.51 จุด บวกไป 2.05 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.64 หมื่นล้านบาท โดยทั้งหมดใช้เวลาประมาณ 2 เดือนครึ่งแบบนี้..มันเป็นภาพที่คุ้นตาไหมจ๊ะ

ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น PTT เพื่อชี้ให้เห็นราคาหุ้นก่อนเลือกตั้งอยู่แถว 32.50 บาท แต่หลังเลือกตั้งลงไปทำโลว์ที่บริเวณ 30 บาท ขณะที่ราคาล่าสุดยืนปิดที่ระดับ 34.75 บาท ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.81 พันล้านบาท ท่ามกลางการเมืองที่ปั่นป่วนไม่เลิกแบบนี้ เดี๊ยนย่อมมองเป็นเรื่องความเชื่อมั่นที่มีต่อตัวบริษัท จึงถึงเวลาที่หุ้นจะยกฐานสูงขึ้นนะจ๊ะ

ด้วยเหตุนี้ถึงทำให้ “โมนิก้า” ไม่เคยเคลือบแคลงการทะยานขึ้นของพี่เทพ PTTEP ในช่วงที่ผ่านมา และวันนี้ต้องออกมาย้ำหัวหมุดเรื่องที่เคยคำนวณให้ดูว่า ราคาหุ้นที่เหมาะสมควรอยู่ไม่ต่ำกว่า 189 บาท (คิดบน 1.50 เท่าของบุ๊ก) และเมื่อดูจากราคาต่ำสุดที่เคยทำไว้แถว 137 บาท เทียบกับการยืนปิดที่ระดับ 163 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 0.60% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.46 พันล้านบาท น่าจะเป็นตัวทีเด็ดของการเล่นเที่ยวนี้พะย่ะค่ะ

คล้ายกับในรายของน้องท็อป TOP ก็เป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่น่าสนใจสุด ๆ ในมุมของอันเดอร์แวลู เพราะมองแค่เรื่อง BV ที่อยู่ในระดับ 72 บาท ก็ทำให้เห็นว่า การยืนปิดที่ระดับ 52 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 0.50% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 761 ล้านบาท ยังมีแก๊ปให้วิ่งอีกเพียบ หรือมองการเคลื่อนไหวของ “ราคาหุ้น” ควบคู่กับเรื่อง “การเมือง” ก็กลายเป็นเกมหุ้นที่น่ากระโดดเข้าไปร่วมวงสักตั้งนะนายจ๋า!

อีกรายที่รอไซเคิลธุรกิจฟื้นตัว และถือเป็นตัวเลือกในการเล่นรอบ “โมนิก้า” ขอมองไปที่ PTTGC เป็นรายถัดมา เพราะแค่มองเรื่องจุดต่ำสุดที่ขยับขึ้นมาเรื่อย ๆ ไล่ตั้งแต่ 34-35-36 บาท ก็เป็นอะไรที่น่าสนใจจริง ๆ แต่ราคาหุ้นก็ยังติดกรอบด้านบนที่ระดับ 40 บาทอยู่ดีแบบนี้ มันกลายเป็นจุดวัดดวงสำหรับพวกขาลุยอย่างแท้ทรู เดี๊ยนถึงอยากให้นักเล่นประเมินการยืนปิดที่ระดับ 39.50 บาท บวกไป 0.25 บาท หรือขึ้นไป 0.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 435 ล้านบาท ท่ามกลางภาพการเมืองชัดเจนขึ้น..มันน่าลุยดูสักตั้งไหมล่ะคะ

ส่วนรายที่เหลืออีก 3 รายอย่าง GPSC OR และ IRPC อาจมีอาการไม่สู้ดีนักก็จริง แต่ยังมีแรงซื้อเข้ามาเป็นระลอกเพื่อพยุงหุ้นไม่ให้ลงต่อ แต่สุดท้ายก็ไม่อาจฝืนกระแสความกังวลของนักลงทุนได้ ส่งผลให้รายแรกตกอยู่ในสถานการณ์ที่ย่ำแย่กว่าใครเพื่อน หลังราคาหุ้นในกระดานยังอยู่ต่ำกว่าวันเลือกตั้ง ส่วนรายที่สองสามารถตีตื้นขึ้นมาได้บางครั้ง แต่ราคาหุ้นก็ยังอยู่ต่ำเกินไป สำหรับรายที่สามยังมีแรงฮึดให้เห็นเป็นช่วง ๆ ราคาหุ้นเลยยืนเสมอตัวกับวันเลือกตั้งนะตัวเอง

ตบท้ายกันที่ควันหลงงาน “สมาคม บล.” กับ “CMDF” ก็เกิดข้อครหาให้ชาวเผือกได้นินทากันสนุกปาก เพราะในกำหนดการ “Capital Market Stakeholder Networking” เพื่อระดมสมองช่วยกันพัฒนา และแก้ปัญหาตลาดทุนนั้น ดันตบท้ายด้วยรายการเทสไวน์กันอย่างหน้าชื่นตาบาน ทั้งที่ช่วงนั้นตลาดหุ้นมีเรื่องฉาวผุดขึ้นเป็นดอกเห็ด และผู้คนต้องการคำตอบจากพวกพรี่ ๆ..ทำแบบนี้มันเหมาะสมเหรอ?..เขาฝากถามมาค่ะ

พร้อมกันนั้นก็มีคนฝากถามเรื่องไวน์มาด้วย และคงต้องให้คุณพรี่ “รพี” กระซิบบอก “โมนิก้า” ข้างใบหูว่า “อิแท้เลี่ยนไวน์” ตัวเด็ดอย่างซูเปอร์ทัสคัน “มาสเซโต้” หรือตัวที่ราคาย่อมเยาลงมาหน่อยอย่าง “กาญ่า” หรือ “ออนเนไลญ่า” นั้นต้องแพริ่งกินกับอะไร?..เพราะเดี๊ยนไม่ถนัดในเรื่องแพริ่งจริง ๆ เพราะสิ่งที่ถนัดมีแต่เรื่อง “รีแพริ่ง”..อิอิอิ