Amazon ลดคน..กำไรเพิ่ม.!?

หลังจาก “แอมะซอน” เจ้าพ่ออีคอมเมิร์ซโลก ประกาศลดต้นทุนด้วยการปลดพนักงานกว่า 27,000 คน หรือคิดเป็นประมาณ 9% ของพนักงานทั้งหมด


หลังจาก “แอมะซอน” เจ้าพ่ออีคอมเมิร์ซโลก ประกาศลดต้นทุนด้วยการปลดพนักงานกว่า 27,000 คน หรือคิดเป็นประมาณ 9% ของพนักงานทั้งหมด ที่มีอยู่ราว 300,000 คน พร้อมส่งสัญญาณอีกว่า จะมีการปรับลดพนักงานใน Amazon Fresh ด้วยอีกเช่นกัน

จึงกลายเป็นประเด็นที่นักลงทุนจับตาจะช่วยต้นทุนและเพิ่มกำไรให้บริษัทได้มากน้อยเพียงใด.!?

ล่าสุด “แอมะซอน” รายงานผลประกอบการไตรมาส 2/66 ที่พบว่า มีการเติบโตของยอดขายและกำไรสูงกว่าคาดการณ์ของตลาด หลังจากบริษัทสามารถจัดส่งสินค้าได้รวดเร็ว และราคาถูกกว่าให้แก่ลูกค้า ส่วนแรงกดดันจากประเด็นระบบคลาวด์คอมพิวติ้งเริ่มอ่อนตัวลง

หลังจากมีการประกอบงบการเงินออกมา ทำให้ราคาหุ้น “แอมะซอน” ปรับตัวขึ้น 9% โดยบริษัทระบุว่า แม้จะมีความท้าทายเข้ามามากมาย “แอมะซอน” ยังรักษาสถานะของบริษัท ซึ่งเป็นผู้ให้บริการระบบคลาวด์ และผู้ค้าปลีกออนไลน์ที่ใหญ่สุดของโลกเอาไว้ได้

“แอมะซอน” มีการเปิดตัวระบบปัญญาประดิษฐ์ของตัวเองออกมา เพื่อแข่งกับผู้เล่นรายใหญ่ในตลาด อย่างกูเกิล และไมโครซอฟท์ โดยเป็นการดึงดูดลูกค้าเพิ่มขึ้นร่วม 10,000 ราย และถือเป็นการขยายขอบเขตของเทคโนโลยี ที่บริษัทให้บริการแก่ลูกค้าอีกด้วย จะคล้ายคลึงกับแชตบอตที่โด่งดัง ChatGPT นั่นเอง

ส่วน “ธุรกิจค้าปลีก” มีการจัดระเบียบระบบเครือข่ายคลังสินค้าออนไลน์ พร้อมเปิดคลังสินค้าใกล้บริเวณสถานีขนส่งหลัก สำหรับบริการจัดส่งสินค้าภายในวันเดียวกับที่ลูกค้าสั่ง เพื่อเป็นการประหยัดเวลา และต้นทุนการขนส่งอีกทางหนึ่งเช่นกัน

“ไบรอัน โอลซาฟสกี” ประธานเจ้าหน้าที่การเงินแอมะซอน กล่าวว่า การจัดส่งที่รวดเร็วขึ้นนั้น ส่งผลทำให้ลูกค้าประจำของ “ไพร์ม” มีการจับจ่ายใช้สอยมากขึ้นตามไปด้วย

“แอมะซอน” รายงานรายได้ไตรมาส 2/66 อยู่ที่ระดับ 134,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือเติบโต 11% สูงกว่าตัวเลขเฉลี่ยของนักวิเคราะห์ใน Refinitiv Consensus คาดการณ์ไว้ที่เฉลี่ย 131,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ โดยมีกำไรอยู่ที่ 6,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ หรือสูงเกือบ 2 เท่า จากที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ไว้

“หน่วยธุรกิจคลาวด์คอมพิวติ้ง” ถือเป็นกุญแจสำคัญของการเติบโตไตรมาส 2/66 โดยช่วงไม่กี่เดือนที่ผ่านมา แอมะซอน เว็บ เซอร์วิส (Amazon Web Services หรือ AWS) เป็นบริษัทในเครือของแอมะซอน ที่ให้บริการประมวลผลบนระบบคลาวด์มีการเติบโตของยอดขายที่ช้าลง ซึ่ง “โอลซาฟสกี” ระบุว่า การจัดการต้นทุนที่ดีขึ้นจะดำเนินต่อไป และคาดว่าจะเห็นการเติบโตขึ้นอีกช่วงฤดูใบไม้ผลิและฤดูร้อน

ขณะที่ “แอนดี้ แจสซี่” ซีอีโอของแอมะซอน กล่าวในแถลงการณ์ว่า การเติบโตของ AWS เริ่มทรงตัวแล้ว

ส่วนยอดขายจาก AWS สูงกว่าคาดการณ์จากนักวิเคราะห์ด้วยเช่นกัน โดยปรับตัวสูงขึ้น 12% แตะระดับ 22,100 ล้านดอลลาร์สหรัฐ เมื่อเทียบกับที่มีการคาดการณ์ไว้  21,700 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

อย่างไรก็ตาม “อัลฟาเบต” ซึ่งเป็นบริษัทแม่ของกูเกิลและไมโครซอฟท์เห็นการเติบโตจากหน่วยธุรกิจระบบคลาวด์จากฐานที่ต่ำ โดยอยู่ที่ประมาณ 28% และ 26% ตามลำดับ

“แจสซี่” กล่าวกับนักวิเคราะห์ว่า หน่วยธุรกิจของแอมะซอน เริ่มใช้งานปัญญาประดิษฐ์ (AI) ที่เรียนรู้ได้ด้วยตัวเองหลาย ๆ ระบบด้วยกัน รวมถึงปัญญาประดิษฐ์ สำหรับพบปะลูกค้าและการจัดสรรให้ต้นทุนต่ำลง

โดยเงินลงทุนเทคโนโลยีของแอมะซอน คิดเป็นสัดส่วนใหญ่ในงบประมาณปี 2566 ที่ตั้งไว้เป็นมูลค่าทั้งหมดกว่า 50,000 ล้านบาท

ทั้งนี้ “แอมะซอน” วางเป้าหมายยอดขายไตรมาส 3/66 ไว้ประมาณ 138,000-143,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ขณะที่ตัวเลขที่นักวิเคราะห์จาก Refinitiv Consensus ประเมินไว้ที่ระดับ 138,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐ

นี่ถือเป็นการตอบโจทย์การ “ลดคน..เพิ่ม AI” จนดันกำไรอย่างที่เห็นนั่นเอง..!!

Back to top button