GPI หุ้นเล็ก..ปันผลเด่น

จะว่าไปงาน Motor Show ที่จัดขึ้นช่วงปลายมี.ค.ถึงต้นเม.ย.ของทุกปี นอกจากจะเป็นงานที่บรรดาคนรักรถรอคอยแล้ว สายคอหุ้นก็เฝ้ารอเหมือนกัน เพราะเป็นช่วงจังหวะที่จะได้เข้ามาเก็งกำไรหุ้นบริษัท กรังด์ปรีซ์ อินเตอร์เนชั่นแนล จำกัด (มหาชน) หรือ GPI ในฐานะผู้จัดงาน

ทำให้ช่วงเวลาดังกล่าวหุ้น GPI จะออกอาการระริกระรี้เป็นพิเศษ…แต่หลังจากนั้นก็จะหลุดหายไปจากจอเรดาร์ และกลายเป็นหุ้นนอกสายตาของนักลงทุน (อีกครั้ง)..!!

ที่ผ่านมา หุ้น GPI จึงถูกขนานนามว่า เป็น “หุ้นซีซั่นส์” หรือเก็งกำไรได้เฉพาะไตรมาสแรกเท่านั้น..!?

แต่ในความเป็นจริงแล้ว GPI มีดีกว่าที่หลายคนคิดนะ โดยเฉพาะการโชว์ป๋า…จัดปันผลแบบจุก ๆ จนได้ชื่อว่าเป็นหุ้นที่มีผลตอบแทนจากเงินปันผลค่อนข้างสูง..!! เมื่อเทียบกับหุ้นที่อยู่ในเทียร์เดียวกัน

ขณะที่ พื้นเพของ GPI นั้น เดิมมีธุรกิจหลักอยู่ 3 ขา คือ ธุรกิจจัดแสดงสินค้าและกิจกรรมส่งเสริมการตลาด ธุรกิจสื่อสิ่งพิมพ์และสื่อรูปแบบใหม่ที่เกี่ยวกับอุตสาหกรรมยานยนต์ และธุรกิจรับจ้างพิมพ์ แต่ปัจจุบันได้แตกแขนงเพิ่มอีกหนึ่งขา เป็นธุรกิจอื่น ๆ เช่น ธุรกิจซื้อขายรถยนต์สะสม ธุรกิจให้บริการตกแต่งรถยนต์สำหรับการแข่งขัน ธุรกิจสปอร์ตอีเวนต์ และธุรกิจไฟฟ้า เป็นต้น

GPI มีนโยบายเงินปันผลไม่ต่ำกว่า 50% ของกำไรสุทธิ และจะจ่ายปันผลปีละ 2 ครั้ง ซึ่งถ้าย้อนไปดูในรอบ 4 ปีที่ผ่านมา เคยทำสถิติเมื่อปี 2563 จ่ายปันผลยีลด์สูงปรี๊ดดด แตะที่ 13.85% เลยทีเดียว

ขนาดที่ว่า เจอมรสุมโควิดพัดกระหน่ำ จนเกิดโรคเลื่อน…ต้องเลื่อนการจัดงาน Motor Show ซึ่งทำให้รายได้หดหายเหลือระดับ 500 ล้านบาท จากเดิมเคยทำได้ปีละไม่ต่ำกว่า 700–800 ล้านบาท ส่วนกำไรสุทธิจากที่เคยทำได้หลักร้อยล้านบาท ก็หดเหลือ 30 กว่าล้านบาทเท่านั้น

แต่ GPI ก็ยังกัดก้อนเกลือ ควักเงินจ่ายปันผลทุกปีนะ…จิบอกให้

ส่วนงบงวดไตรมาส 2/2566 แม้จะมีกำไรสุทธิเท่าหางอึ่งอยู่ที่ 24,000 บาท ลดลงเมื่อเทียบกับไตรมาส 2/2565 ที่มีกำไรสุทธิ 5 ล้านบาท…แต่ถ้าไปดูในงวด 6 เดือนแรกปีนี้ ถือว่าเติบโตดี โดยมีกำไรสุทธิสูงถึง 158 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 35.07% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 117 ล้านบาท (อ้อ..ที่เห็นกำไรในงวด 6 เดือนแรกเยอะ เพราะไตรมาสแรกตุนไว้เยอะ ซึ่งถือเป็นไตรมาสที่ดีสุดของ GPI เนื่องจากรับรู้รายได้และกำไรจากงาน Motor Show)

เลยเป็นที่มาของมติบอร์ดเคาะจ่ายปันผลงวดครึ่งปีแรกของปี 2566 ในอัตรา 0.065 บาทต่อหุ้น รวมเป็นเงิน 39 ล้านบาท โดยกำหนดจะขึ้นเครื่องหมาย XD วันที่ 23 ส.ค.นี้

ที่น่าสนใจ หากคิดเป็นอัตราผลตอบแทน ยีลด์จะสูงถึง 4.03% เมื่อเทียบกับราคาปิดวานนี้ (9 ส.ค.) ที่ 1.61 บาท แถมยังเป็นการจ่ายปันผลระหว่างกาลสูงกว่างวดเดียวกันของปีก่อนที่จ่ายในอัตราหุ้นละ 0.05 บาท อีกด้วย

แล้วถ้าเทียบเคียงกับการจ่ายปันผลงวดครึ่งปีหลังของปี 2565 ที่จ่ายในอัตราหุ้นละ 0.04 บาท…ติ๊ต่างว่า งวดครึ่งปีหลังของปี 2566 อย่างน้อย ๆ ก็น่าจะจ่ายปันผลไม่ต่ำกว่า 0.04 บาทละมั้ง ซึ่งถ้าเป็นไปตามนี้ เท่ากับว่าทั้งปี 2566 GPI จะจ่ายปันผลในอัตรา 0.105 บาทต่อหุ้น คิดเป็นเป็นดิวิเดนด์ยีลด์สูงปรี๊ดดด 6.52% เชียวหนา…

อย่างนี้ต้องยกให้ GPI เป็นหุ้นเล็ก-ยีลด์สูงแล้วล่ะ..!!

GPI จึงเป็นของที่ต้องมี (ติดพอร์ต) ของนักลงทุนสายปัน (ผล) นะเนี่ย…

แต่ถ้าใครจะเห็นต่างจากนี้ก็ไม่ว่า…

เอาเป็นว่า ใครใคร่จะซื้อ…ก็ซื้อ ส่วนใครใคร่จะขาย…ก็ขาย

…เลือกที่สบายใจละกัน…

…อิ อิ อิ…