สิ้นสุดขาลง

สาเหตุที่ทำให้ “โมนิก้า” กล้าจั่วหัวแบบไม่กลัวหน้าแหก ล้วนมาจากผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยประกาศออกมาในเที่ยวนี้


สาเหตุที่ทำให้ “โมนิก้า” กล้าจั่วหัวแบบไม่กลัวหน้าแหก ล้วนมาจากผลการดำเนินงานของบริษัทจดทะเบียนที่ทยอยประกาศออกมาในเที่ยวนี้ มันไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายของนักวิเคราะห์ และนักลงทุนสถาบัน จึงเห็นแรงซื้อกลับเข้ามาหลังข่าวจริงปรากฏ และบรรยากาศในลักษณะนี้จะดำเนินต่อไปอีกระยะหนึ่ง ซึ่งจะทำให้ดัชนีเคลื่อนตัวในลักษณะแกว่งตัวในกรอบเดิม ๆ ต่อไปไงล่ะคะ

ที่น่าสนใจคือ หากมองกรอบใหญ่ที่เล่นกันมาตั้งแต่วันเลือกตั้ง ส่วนใหญ่จะขยับไปมาในกรอบ 1,500-1.550 จุด แต่ก็มีบางจังหวะที่หลุดลงไปทำโลว์บริเวณ 1,460 จุด ผนวกกับความคืบหน้าในการจัดตั้งรัฐบาลก็ชัดเจนขึ้นเป็นลำดับ “โมนิก้า” ถึงไม่วอรี่กับการเหวี่ยงตัวไปมาของดัชนี เพราะมันเป็นภาพที่นักลงทุนจะต้องเจออีกหลายยก จึงไม่มีเหตุที่ทำให้น้องโมต้องทำตัวเป็นกระต่ายตื่นตูมนะจะบอกให้

ฉะนั้นการที่ดัชนียืนปิดที่ระดับ 1,528.30 จุด บวกไป 9.86 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5 หมื่นล้านบาท ก็ไม่มีอะไรแตกต่างจากที่ผ่านมาสักเท่าไหร่ เพราะหุ้นแกนหลักถูกสลับตัวขายออกมาเป็นช่วง ๆ ส่งผลให้บรรยากาศตลาดหุ้นดูอึมครึมในบางเวลา แต่ในขณะเดียวกันก็เปิดช่องให้เข้ามาเล่นรอบเหมือนกัน “โมนิก้า” เลยเชื่ออย่างบริสุทธิ์ใจว่า ไม่น่าจะมีเหตุการณ์กระหน่ำขายหุ้นเหมือนเที่ยวก่อน ๆ เจ้าค่ะ

ประเด็นข้างต้นทำให้ “โมนิก้า” ต้องเอ่ยถึงหุ้น MTC เพื่อชี้ให้เห็นการทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 37.50 บาท บวกไป 3.50 บาท หรือขึ้นไป 10.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 929 ล้านบาท ล้วนเป็นภาพเดิม ๆ ที่เคยเห็นกันมาแล้ว จึงไม่แปลกใจที่ราคาหุ้นจะวิ่งขึ้นไปทดสอบยอดแรกที่บริเวณ 38 บาท ถัดจากนั้นก็เป็นยอดสองที่บริเวณ 40 บาท และยอดบนสุดที่ระดับ 42 บาท เพราะสถานการณ์มันทำให้เชื่อเช่นนั้นจริง ๆ จ้ะ

เช่นเดียวกับการพุ่งปรี๊ดของหุ้น DOHOME หลังจากแกว่งตัวขึ้น ๆ ลง ๆ ในกรอบแคบ ๆ มาพักใหญ่ ก็เป็นเรื่องที่ทำให้เชื่ออีกเช่นกันว่า ราคาหุ้นซึมซับข่าวร้ายหมดแล้ว! ต่อจากนี้จะเป็นช่วงที่ราคาหุ้นวิ่งรับข่าวดีอย่างเต็มตัว “โมนิก้า” ถึงมองว่า การขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 10.30 บาท บวกไป 0.75 บาท หรือขึ้นไป 7.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 207 ล้านบาท น่าจะเป็นการเซตฐานหุ้นเพื่อรอรับตัวเลขกำไรในครึ่งปีหลังพะย่ะค่ะ

สถานการณ์ดังกล่าวทำให้ “โมนิก้า” อยากเอ่ยถึงหุ้น AAV เพื่อย้ำหัวหมุดอีกครั้งว่า การแกว่งตัวไปมาในกรอบ 2.50-2.90 บาทยังดำเนินต่อไปเรื่อย ๆ เพราะกระแสของหุ้นท่องเที่ยวจะบูมปลายปี ในระหว่างนี้จึงต้องทนดูการเคาะสั้น ๆ เพื่อเลี้ยงกระแสต่อไปอีกหลายเดือน ส่งผลให้การอ่อนตัวลงมาปิดที่ระดับ 2.62 บาท ลบไป 0.08 บาท หรือลงไป 2.95% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 100 ล้านบาท ไม่ใช่เรื่องน่าตกใจ เพราะเที่ยวก่อนก็ลงมาแบบนี้ ต่อจากนั้นก็เด้งกลับจ้า!

คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้น DITTO ที่แกว่งตัวไปมาในกรอบ 28-32 บาทเป็นเวลาเดือนครึ่ง เหมือนบอกเป็นนัยให้รู้ว่า สถานการณ์ต่อจากนี้ไม่น่าจะมีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกแล้ว และขาประจำส่วนใหญ่เลือกที่จะเล่นสั้น เพื่อรอให้ทุกอย่างสะเด็ดน้ำอีกสักนิด ต่อจากนั้นจะเห็นการเล่นแบบชุดใหญ่ไฟกระพริบ “โมนิก้า” ถึงมองว่า การยืนปิดที่ระดับ 30 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 1.70% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 85 ล้านบาท น่าสนใจเจ้าค่ะ

ส่วนรายที่แหวกโผชาวบ้านแบบน่าเกลียด “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น NCAP เพื่อชี้ให้เห็นขบวนการปั่นข่าวดีมันมีอยู่จริง และเผอิญพรายกระซิบรู้ตัวก่อน จึงไม่หลงเข้าไปในเกมสาดหุ้นของรายใหญ่ และการที่หุ้นไหลลงมากองอยู่ที่ 3.04 บาท ลบไป 0.72 บาท หรือลงไป 19.15% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 320 ล้านบาท ก็ชี้ให้เห็นว่า เกมหุ้นของก๊วนนี้โหดของจริง ใครไม่เจ๋งจริง..อยู่ไม่ได้หรอกค่ะ

สุดท้ายนี้ “โมนิก้า” ขอออกมาแก้ข่าวเมื่อวันก่อนที่มีการเม้าท์ถึงควันหลงในงาน “Capital Market Stakeholder Networking” เพื่อระดมสมองช่วยกันพัฒนา และแก้ปัญหาตลาดทุน ซึ่งเป็นการร่วมมือกันระหว่าง “สมาคม บล.” กับ “CMDF โดยหลังจบงานไม่มีเทสไวน์เหมือนที่พวกตัวอิจฉาเล่าต่อ ๆ กันมา เดี๊ยนเลยอยากให้ทุกคนปรับความคิดใหม่เหมือนที่เดี๊ยนกำลังทำอยู่ในเวลานี้ และกราบขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยนะจ๊ะ

งานนี้เพื่อนสนิทมิตรสหายจะก่นด่า หรืออยากจะตำหนิอะไรเพิ่มเติม “โมนิก้า” ยินดีน้อมรับทุกประการ แต่ขออย่างหนึ่งคือ เดี๊ยนยังใคร่รู้เรื่องของ “ไวน์แพริ่ง” เหมือนเดิม และหวังว่า บรรดาพรี่ ๆ จะช่วยชี้แนะทางสว่างให้นะจ๊ะ..นะจ๊ะ

Back to top button