บาทอ่อนสวนทางราคาน้ำมันขาขึ้น
ค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาสหรัฐยังคงอ่อนถือเป็นสถิติใหม่ที่ระดับนักบริหารเงินจำต้องยอมรับกันว่าค่าเงินบาทที่อ่อนนี้เป็นค่าเงินบาทที่อ่อนที่สุด
ค่าเงินบาทเทียบกับดอลลาสหรัฐยังคงอ่อนถือเป็นสถิติใหม่ที่ระดับนักบริหารเงินจำต้องยอมรับกันว่าค่าเงินบาทที่อ่อนนี้เป็นค่าเงินบาทที่อ่อนที่สุดในรอบหลายปี
เงินบาทเปิดตลาดอยู่ที่ 35.10 บาท/ดอลลาร์ ปรับตัวอ่อนค่าลงมากเมื่อเทียบกับวันก่อนหน้า 34.91 บาท/ดอลลาร์ ขณะที่ดอลลาร์แข็งค่าเมื่อเทียบกับสกุลเงินหลักของโลก
ค่าเงินบาทที่อ่อนยวบทำให้ต้นทุนราคาน้ำมันที่ไทยต้องนำเข้ามาจากตะวันออกกลางเพิ่มราคาสูงสวนทางขึ้นไปเป็นต้นทุนที่ควบคุมไม่ได้
ราคาน้ำมันที่ขึ้นไปนี้จะทำให้บริษัทกลุ่มปตท.และบางจากเท่านั้นที่รับประโยชน์เต็ม ๆ จากทั้งสต๊อกราคาน้ำมันและส่วนต่างของราคา พร้อมกับผู้ผลิตรถยนต์ไฟฟ้าที่จะรับประโยชน์ทางอ้อมไปด้วย ในขณะที่ผู้บริโภคทั่วไปจะต้องรับความเสียหาย
โดยบาทอ่อนค่าลงเพราะแรงขายของกองทุนต่างชาติที่มองเห็นว่าการตั้งรัฐบาลที่ล่าช้าและมีแนวโน้มที่อ่อนแอเพราะเป็นรัฐบาลเสียงข้างน้อยอาจบริหารงานไม่ได้
สำหรับราคาน้ำมันดิบนั้น สัญญาน้ำมันดิบเวสต์เท็กซัส (WTI) ตลาดนิวยอร์กปิดบวกในวันพุธ (9 ส.ค.) ขานรับสต๊อกน้ำมันเบนซินของสหรัฐฯ ที่ลดลงมากกว่าคาด รวมทั้งข่าวซาอุดีอาระเบียและรัสเซียปรับลดอุปทานน้ำมัน ซึ่งข้อมูลดังกล่าวช่วยบดบังปัจจัยลบจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะอุปสงค์น้ำมันชะลอตัวในประเทศจีน
ทั้งนี้ สัญญาน้ำมันดิบ WTI ซึ่งเป็นดัชนีอ้างอิงราคาน้ำมันดิบทั่วโลกที่ส่งมอบเดือน ก.ย. เพิ่มขึ้น 1.48 ดอลลาร์ หรือ 1.8% ปิดที่ 84.40 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่เดือน พ.ย. 2565
ส่วนสัญญาน้ำมันดิบเบรนท์ (BRENT) ส่งมอบเดือน ต.ค. เพิ่มขึ้น 1.38 ดอลลาร์ หรือ 1.6% ปิดที่ 87.55 ดอลลาร์/บาร์เรล ซึ่งเป็นระดับปิดสูงสุดนับตั้งแต่วันที่ 27 ม.ค. 2567
การที่ราคาน้ำมันดิบมีราคาเพิ่มขึ้นแรงมากถือเป็นข่าวดีและข่าวร้ายพร้อมกัน ข่าวดีคือผู้ผลิตผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมและเคมีภัณฑ์ทั้งหลายมีกำไรเพิ่มขึ้น ในขณะที่ฝั่งผู้บริโภคน้ำมันได้รับความเสียหายจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น และภาวะเงินเฟ้อที่ติดตามมาอย่างเลี่ยงไม่พ้น