SCC สัญญาณฟื้นครึ่งปีหลัง!
SCC มั่นใจว่าแนวโน้มช่วงครึ่งหลังปีนี้จะดีกว่าครึ่งปีแรก โดยธุรกิจแพ็กเกจจิ้งและธุรกิจก่อสร้างคาดว่าจะดีขึ้น ส่วนธุรกิจเคมิคอลส์ยังทรงตัว
คุณค่าบริษัท
บริษัท ปูนซิเมนต์ไทย จำกัด (มหาชน) หรือ SCC ซึ่งลงทุนใน 3 ธุรกิจหลัก ได้แก่ ธุรกิจซีเมนต์และผลิตภัณฑ์ก่อสร้าง ธุรกิจเคมิคอลส์ และธุรกิจแพ็กเกจจิ้ง ประกาศงบไตรมาส 2/2566 มีกำไรสุทธิ 8,082 ล้านบาท ลดลง 19% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 9,937.63 ล้านบาท ซึ่งแม้กำไรจะลดลง แต่ก็ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้ สาเหตุมาจากการบุ๊กกำไรพิเศษจากการปรับมูลค่ายุติธรรมของเงินลงทุนใน SCG Logistics จำนวน 2,800 ล้านบาท
โดยในไตรมาสนี้มีรายได้จากการขายอยู่ที่ 124,631 ล้านบาท ลดลง 18% จากยอดขายที่ลดลงของทุกกลุ่มธุรกิจ สาเหตุหลักจากราคาสินค้าเคมีภัณฑ์ที่ลดลง EBITDA ลดลง 20% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และกำไรที่ไม่รวมรายการพิเศษลดลง 49% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ส่วนใหญ่มาจากส่วนต่างราคาขายสินค้าเคมีภัณฑ์และส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทร่วมที่ลดลงของธุรกิจเคมิคอลส์ รวมทั้งการปรับรอบเงินปันผลของบริษัทที่เอสซีจีลงทุนในธุรกิจอื่น (ธุรกิจยานยนต์) ทำให้เงินปันผลรับในไตรมาสที่ 2/2565 สูงกว่าปกติ
ส่งผลให้ในช่วงครึ่งปีแรกมีกำไรสุทธิ 24,608 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 31% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน และมีรายได้จากการขายอยู่ที่ 253,379 ล้านบาท ลดลง 17% เทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ที่น่าสนใจ SCC มั่นใจว่าแนวโน้มธุรกิจในช่วงครึ่งหลังปีนี้ จะดีกว่าช่วงครึ่งปีแรก โดยธุรกิจแพ็กเกจจิ้งและธุรกิจก่อสร้างคาดว่าจะดีขึ้น ส่วนธุรกิจเคมิคอลส์ในช่วงครึ่งหลังน่าจะยังทรงตัว
พร้อมตั้งเป้าหมายคว้าโอกาสตลาดโลกฟื้นผ่าน 4 ธุรกิจตอบเมกะเทรนด์โลก ได้แก่ 1)โครงการปิโตรเคมีครบวงจรใหญ่สุดในเวียดนาม ป้อนตลาดโลก 2)ผนึกกำลังกับคู่ธุรกิจชั้นนำระดับโลกด้านนวัตกรรมกรีน ยกระดับ Green Innovation ตอบโจทย์ความต้องการตลาดโลก 3)ลงทุนในเทคโนโลยีวัสดุกักเก็บความร้อนจากพลังงานสะอาด ตอบโจทย์การเติบโตของภาคอุตสาหกรรมสีเขียว และ 4)เตรียม SCG Decor เข้าตลาดหลักทรัพย์ฯ
ด้านบล.ทรีนีตี้ ระบุว่า แนวโน้มในครึ่งปีหลังของ SCC คาดจะค่อย ๆ ฟื้นตัวอย่างช้า ๆ ซึ่งผู้บริหารมีมุมมองเป็นบวกมากขึ้นในการฟื้นตัวของ demand คาดหวังมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของประเทศจีนน่าจะช่วยให้ spread ปิโตรเคมีทรงตัวอยู่ได้ ในขณะที่ยังเป็น over supply สำหรับธุรกิจซีเมนต์ คาดว่าเงินเฟ้อผ่านจุดสูงสุดไปแล้ว และน่าจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจในแถบภูมิภาคอาเซียนเพิ่มมากขึ้น
แต่อย่างไรก็ดี ในมุมมองของบล.ทรีนีตี้ ในไตรมาส 3/2566 อาจจะอ่อนตัวจาก 1)เข้าสู่ช่วงหน้าฝน ธุรกิจซีเมนต์อาจจะได้รับผลกระทบ 2)ไม่มีรายได้เงินปันผล และ 3)ราคาน้ำมันที่ปรับขึ้นเร็วอาจจะกดดันต่อ spread ปิโตรเคมี ทั้งนี้ยังประมาณการกำไรปกติปี 2566 ที่ 2.6 หมื่นล้านบาท
สอดคล้องกับบล.ดาโอ ยังคงประมาณการกำไรสุทธิปี 2566/2567 ของ SCC ที่ 4.11/3.16 หมื่นล้านบาท สูงขึ้นจาก 2.08 หมื่นล้านบาท ในปี 2565 บนสมมติฐาน 1)ปริมาณขายผลิตภัณฑ์ปิโตรเคมีจะสูงขึ้นจากการ COD ของโครงการ LSP 2)Petrochemical product price spread จะฟื้นตัว และ 3)ความสามารถในการทำกำไรของธุรกิจ CBM และ SCGP จะดีขึ้น
สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) ปัจจุบันราคาหุ้น SCC ซื้อขายกันที่ P/E ระดับ 13.13 เท่า เทียบกับ P/E ตลาดโดยรวมที่ระดับ 18.60 เท่า ถือว่าราคาซื้อขายสูงกว่าตลาด สอดคล้องกับ P/BV ที่ระดับ 0.98 เท่า ก็สูงกว่าค่าเฉลี่ยตลาดที่ปัจจุบันซื้อขาย P/BV เฉลี่ยที่ 1.49 เท่า โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 348 บาท จากราคาต่ำสุด 300 บาท และราคาสูงสุด 410 บาท