SCB ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยโดดเด่น

SCB รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 มีกำไรสุทธิ 11,868.13 ล้านบาท เติบโต 18.08% จากไตรมาส 2/2565 และเพิ่มขึ้น 7.94% จากไตรมาส 1/2566


คุณค่าบริษัท

บริษัท เอสซีบี เอกซ์ จำกัด (มหาชน) หรือ SCB โครงสร้างพอร์ตสินเชื่อ ณ สิ้นไตรมาส 2/2566 1.ธุรกิจขนาดใหญ่ 35.30% 2.ธุรกิจ SME 17.35% 3.สินเชื่อบุคคล 40.97% 4.สินเชื่อของบริษัทย่อย 6.38% ภายใต้สินเชื่อบุคคลจำแนกต่อได้ดังนี้ 1.สินเชื่อเคหะ 30.92% 2.สินเชื่อเช่าซื้อ 7.47% 3.สินเชื่อที่ไม่มีหลักประกัน 1.74% 4.สินเชื่ออื่น ๆ 0.84% ภายใต้สินเชื่อของบริษัทย่อย จำแนกต่อได้ดังนี้ 1.บริษัทคาร์ด เอกซ์ 4.85% 2.บริษัทออโต้ เอกซ์ 0.75% 3.บริษัทย่อยอื่น ๆ 0.78%

SCB รายงานผลการดำเนินงานไตรมาส 2/2566 มีกำไรสุทธิ 11,868.13 ล้านบาท เติบโต 18.08% จากไตรมาส 2/2565 และเพิ่มขึ้น 7.94% จากไตรมาส 1/2566 ที่มีกำไรสุทธิ 10,995.38 ล้านบาท กำไรที่เพิ่มขึ้นโดยหลักมาจากรายได้ดอกเบี้ยสุทธิ (NII), ส่วนต่างอัตราดอกเบี้ยสุทธิ (NIM), การตีมูลค่ายุติธรรมผ่านกำไรขาดทุน (FVTPL) ที่สูงขึ้น โดยรายได้ดอกเบี้ยสุทธิโดดเด่น ปรับขึ้นสูงถึง 6.4% จากไตรมาส 1/2566 และ 18.1% จากไตรมาส 2/2565 จากอัตราดอกเบี้ยที่ปรับขึ้นและสภาพคล่องที่เหลือเฟือ ซึ่งทำให้ NIM ปรับขึ้น 0.24% มาที่ 3.7%

ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2566 NIM เพิ่มเป็น 3.61% ด้านสัดส่วนค่าใช้จ่ายดำเนินงานต่อรายได้รวม (Cost-to-income ratio) ในไตรมาส 2/2566 อยู่ที่ 38.4% ลดลงจาก 41% ในไตรมาส 1/2566 Cost-to-income ratio รวมในช่วงครึ่งปีแรกอยู่ที่ 39.6% ต่ำกว่าเป้าปี 2566 ของ SCB ที่ระดับ 40% กลางอยู่มาก อย่างไรก็ดีตัวเลขดังกล่าวมีแนวโน้มเร่งตัวขึ้นในช่วงครึ่งปีหลัง

สินเชื่อรวมของ SCB เติบโต 1.0% จากสิ้นไตรมาส 1/2566 และ 2.7% จากสิ้นไตรมาส 2/2565 และขยายตัว 1.9% จากสิ้นปี 2565 ในภาพรวมสินเชื่อเติบโตนำโดยสินเชื่อ SME และสินเชื่อรายย่อย (ที่อยู่อาศัย, CardX และ AutoX) แม้การตั้งสำรองจะเพิ่มขึ้น 21.9% จากไตรมาส 1/2566 เพื่อรองรับความเสี่ยงทางเศรษฐกิจ และการเร่งตัดหนี้สูญ (Write Off) หนี้เสี่ยงสูง (NPL Ratio ลดลงเหลือ 3.84% จาก 3.97% ในไตรมาส 1/2566) ส่วนการตั้งสำรองของ CardX ที่เร่งตัวขึ้นมาก หลังประสบปัญหาในการย้ายข้อมูลลูกค้าเข้าสู่ระบบใหม่ ส่งผลต่อประสิทธิภาพในการเก็บหนี้ชั่วคราว

แต่ปัจจัยลบดังกล่าวถูกชดเชยด้วยรายได้ที่ไม่ใช่ดอกเบี้ยที่สูงขึ้น 13.1% จากไตรมาส 1/2566 หลังมีกำไรจากการตีมูลค่ายุติธรรมผ่านเครื่องมือทางการเงินที่สูงขึ้น (โดยหลักจากการตีมูลค่าเงินลงทุนของพอร์ตลงทุนของ SCB10X) นโยบายในการจัดสรร ECL เพิ่มเทียบกับการตัดจำหน่ายและขายหนี้ด้อยคุณภาพ (NPL) ช่วยผลักดัน Coverage ratio ให้เพิ่มเป็น 162% จาก 158% ในไตรมาส 1/2566 ซึ่งผู้บริหารมองว่ามากพอภายใต้สถานการณ์ในปัจจุบัน ในช่วงครึ่งปีแรกค่าใช้จ่ายสำรองหนี้สูญ (Credit cost) อยู่ที่ 1.83% สูงกว่าเป้าปี 2566 ของธนาคารที่ 1.20-1.40%

ข้อมูลจาก Refinitiv Consensus สำหรับ SCB ระบุว่า ประมาณการรายได้รวมปี 2566 ที่ 169,132.40 ล้านบาท และประมาณการกำไรสุทธิปี 2566 ที่ 44,858.09 ล้านบาท โดยมีราคาเป้าหมายเฉลี่ยที่ 126.11 บาท จาก 20 โบรกเกอร์

บล.กสิกรไทย ระบุว่า ปรับเพิ่มกำไรปี 2566 ของ SCB ขึ้น 8% มาที่ 4.45 หมื่นล้านบาท เพื่อสะท้อน NIM ที่ดีกว่าคาดและกำไรจากพอร์ตการลงทุนที่สูงขึ้น อย่างไรก็ตามได้ปรับลดประมาณการกำไรปี 2567-2568 ลง 8% / 6% มาที่ 4.03 หมื่นล้านบาท และ 4.66 หมื่นล้านบาท ตามลำดับ เนื่องจากได้ปรับเพิ่มสมมติฐาน credit cost ขึ้น 0.50% / 0.40% เป็น 1.80% / 1.70% และคาดว่ากำไรของปี 2567 จะลดลง 9.5% จากปี 2566

สำหรับการประเมินมูลค่า (Valuation) หุ้น SCB ราคาปัจจุบัน (ราคาปิดวันที่ 8 ส.ค. 2566 ที่ 111.50 บาท) ซื้อขายกันที่ P/E 9.79 เท่า สูงกว่า P/E กลุ่มธนาคารที่ 8.90 เท่า ส่วนค่า P/BV ของหุ้น SCB อยู่ที่ 0.80 เท่า สูงกว่า P/BV กลุ่มธนาคารที่ 0.70 เท่า

Back to top button