ท่องเที่ยวยุโรปฟื้น & สายการบินเฟื่องฟู

หลัง “การท่องเที่ยวถูกจองจำ” มาร่วม 3 ปี..จากสถานการณ์โควิด-19 แต่หลังจากสถานการณ์คลี่คลาย “การท่องเที่ยวฟื้นตัวอย่างเฟื่องฟู” ขึ้นมาทันที


หลัง “การท่องเที่ยวถูกจองจำ” มาร่วม 3 ปี..จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 แต่หลังจากสถานการณ์คลี่คลาย “การท่องเที่ยวฟื้นตัวอย่างเฟื่องฟู” ขึ้นมาทันที  นั่นทำให้ราคาตั๋วเครื่องบินสูงขึ้นตามไปด้วย ที่สำคัญไม่มีสัญญาณของการชะลอตัวลงจนถึงปีหน้า แม้ทั่วโลกจะเผชิญปัญหาความไม่แน่นอนทางเศรษฐกิจและเงินออมภาคครัวเรือนที่ชะลอตัวลงก็ตาม

ข้อมูลจากสมาคมขนส่งทางอากาศระหว่างประเทศ (IATA) บ่งชี้ให้เห็นว่า การท่องเที่ยวระหว่างประเทศฟื้นตัวต่อเนื่องช่วงปีนี้ จนแตะระดับ 90% ของช่วงก่อนเกิดวิกฤตโควิด-19 แรงผลักดันหลักมาจากการท่องเที่ยวตอนใต้ของทวีปยุโรป จากประเทศที่มีสภาพอากาศเย็นกว่า แม้อุณหภูมิจะพุ่งสูงขึ้นก็ตาม รวมถึงนักท่องเที่ยวจากสหรัฐฯ ที่ทะลักเข้าสู่ยุโรป

“ตัวเลขการค้นหาเที่ยวบินของชาวอเมริกันไปยังประเทศยุโรปปรับตัวสูงขึ้นอย่างมาก แม้จะมีราคาตั๋วที่แพง และสภาพเศรษฐกิจที่ไม่ดี รวมถึงความแออัดในสนามบินจากผู้ใช้งานที่เยอะเกินก็ตาม..”

ผู้บริหาร L.E.K. Consulting ระบุว่า ชาวอเมริกันจำนวนมาก มีการปรับเปลี่ยนลำดับความสำคัญของเป้าหมายหลังจากช่วงโควิด-19 โดยหันมาเน้นเรื่องการท่องเที่ยวแทน

เช่นเดียวกับบริษัทเทคโนโลยีด้านการท่องเที่ยวอย่าง Amadeus ออกมา ระบุว่า ความต้องการสำหรับการท่องเที่ยวอาจสูงขึ้นอีกช่วงปีหน้า โดยอ้างอิงจากแบบสำรวจที่แสดงให้เห็นตัวเลข 47% ของผู้ตอบแบบสอบถามที่ให้ความสำคัญกับการท่องเที่ยวต่างประเทศเป็นลำดับต้น ๆ ของการใช้จ่ายอย่างอิสระช่วงปี 2566-67 โดยเป็นตัวเลขที่เพิ่มขึ้นจาก 42% เมื่อปี 2565 จุดมุ่งหมายหลัก ๆ ของการท่องเที่ยวนั้นได้แก่ สหราชอาณาจักร ฝรั่งเศส สหรัฐอเมริกา เยอรมนี และสิงคโปร์ 

จากเทรนด์การท่องเที่ยวที่มาแรง กลายเป็นแรงกระตุ้นผลประกอบการบริษัทท่องเที่ยวหลายแห่ง โดยบริษัทเรือสำราญ Royal Caribbean เพิ่งรายงานกำไรที่สูงเป็นประวัติการณ์ช่วงไตรมาส 2/66 ส่วนบริษัทที่ให้บริการจองห้องพักอย่าง Booking Holdings และ Airbnb รายงานตัวเลขรายได้เติบโตขึ้น 27% และ 18% ตามลำดับ

ส่วนสายการบิน Delta และโรงแรม Marriott International ประเมินว่า จะเห็นดีมานด์ที่แข็งแกร่งในอนาคต

ขณะที่สายการบินสัญชาติเยอรมัน อย่าง Deutsche Lufthansa AG รายงานว่า ยอดจองเที่ยวบินทั้งปีนี้สูงเกินกว่า 90% ของช่วงก่อนโควิดแล้ว

ส่วน United Airlines ของสหรัฐฯ อยู่ระหว่างการขยายเส้นทางไปในแปซิฟิก ภายในฤดูใบไม้ร่วงของปีนี้ โดยจะมีเที่ยวบินใหม่ไปยังมะนิลา ฮ่องกง ไทเปและโตเกียว

ขณะที่ “มูดีส์” ประมาณการว่าตัวเลขผู้โดยสารทั่วโลกปีนี้จะขยายตัว 22% และปีหน้าอีก 6% ส่วนราคาตั๋วเครื่องบินที่บางแห่งปรับตัวสูงขึ้นมากกว่า 10% ไม่น่าจะถูกลง โดยซีอีโอสายการบิน Low Cost ของ Wizz Air กล่าวว่า เรื่องทั้งหมดนี้เป็นเหมือนสมการขั้นพื้นฐานทางเศรษฐกิจ ที่ผู้ขายต่างขึ้นราคาแข่งกับความต้องการที่สูงขึ้น

สอดคล้องกับเอเจนซี่ท่องเที่ยว Hopper ที่ระบุว่า ราคาค่าใช้จ่ายสำหรับการเดินทางท่องเที่ยวไปยุโรป และเอเชียไม่น่าจะลดลงภายในฤดูใบไม้ร่วงปีนี้ โดยคาดการณ์ว่าราคาเที่ยวบินระยะยาว จะยังคงสูงอยู่จนกว่าอุปทานจะปรับตัวสูงขึ้นกว่าช่วงก่อนโควิด รวมทั้งอุปสงค์ที่กลับสู่ภาวะปกติและราคาน้ำมันอากาศยานที่ลดลง

โดยจุดอ่อนของการท่องเที่ยวในประเทศของสหรัฐฯ เกิดขึ้นจากข้อจำกัด และการตรวจเชื้อช่วงหลังวิกฤตโควิด-19 ผ่อนคลายที่ทำให้ชาวอเมริกัน มองการท่องเที่ยวในยุโรปแทน ทั้งนี้ตัวเลขนักท่องเที่ยวเดินทางเข้าสหรัฐฯ เพิ่มสูงขึ้น 26% ช่วงเดือน พ.ค. 66 เมื่อเทียบช่วงเดียวกันปีก่อน แต่ยังอยู่ต่ำกว่าระดับก่อนโควิด-19 มากถึง 20%

จากการท่องเที่ยวยุโรปที่เฟื่องฟู..นั่นจึงเป็นที่มาของเทรนด์การท่องเที่ยวยุคหลังโควิด-19 ที่ว่ากันว่ามาแรงยิ่งกว่าการซื้อผลิตภัณฑ์ชิ้นหนึ่งที่ “ถึงแม้จะไม่มีความจำเป็น แต่ก็ยังรู้สึกดีที่ได้มา” นั่นเอง..!!!

Back to top button