SELIC เติมพลังในแดนมหัศจรรย์ต่อ

แม้ราคาหุ้นของซีลิคยามนี้ยังตกต่ำก็ถือได้ว่าเป็นการเตรียมสำหรับความพร้อมในอนาคต ซึ่งมีโอกาสจะฟื้นตัวอีกครั้ง


ราคาหุ้นบนกระดานที่ต่ำเตี้ยเพียงแค่ 2.30 บาท อาจจะไม่ได้สะท้อนความเป็นไปของการปรับตัวภายในได้ดีพอ ทั้งที่การปรับเปลี่ยนโครงสร้างทางรายได้ของบริษัทเปลี่ยนไปเพื่อรับความเสี่ยงจากธุรกิจดั้งเดิมของครอบครัวที่กำลังเป็นขาลง แต่รายได้ที่เพิ่มขึ้นของบริษัทลูกที่เข้าไปซื้อกิจการเข้ามาในกลุ่มไว้ได้ช่วยประคองในยามยากลำบาก แม้อัตรากำไรสุทธิจะลดลง แต่ก็เริ่มฟื้นตัวให้เห็นถึงฝีมือของประธานอย่างนายเอก สุวัฒนพิมพ์ ที่ทิ้งเก้าอี้ซีอีโอเมื่อ 2 ปีก่อน

การตัดสินใจของนายเอกที่ทิ้งเก้าอี้ซีอีโอเมื่อ 2 ปีก่อน จึงมีเหตุผลที่ราคาหุ้นยังคงต่ำเตี้ย ทั้งที่ความมุ่งมั่นของผู้บริหารยังคงแน่วแน่ในทิศทางของการแข่งขันคือจุดเริ่มต้นของผู้ชนะดังเพลงของเสก โลโซ ซึ่งกินใจผู้ฟังมานักต่อนักแล้ว

การประกาศแต่งตั้งนางสาว ยุวดี เอี่ยมสนธิทรัพย์ นั่ง CEO ของ บริษัท ซีลิค คอร์พ จำกัด (มหาชน) หรือ SELIC แทนนายเอก สุวัฒนพิมพ์ โดยมีผลตั้งแต่วันที่ 1 ม.ค. 2565 เป็นต้นไปอาจจะถือเป็นปรากฏการณ์ที่ไม่แปลกที่เป็นไปตามสูตร “เคลื่อนตัวสู่มืออาชีพ” ของบริษัทมหาชนตามปกติ แม้ผู้ถือหุ้นใหญ่จะยังคงเป็นกลุ่มครอบครัวผู้ก่อตั้งตามเดิม

การถอยฉากจากการที่ผู้ประกอบการเดิมเปิดทางให้มืออาชีพนั้นโดยหลักการแล้วควรกระทำมานับแต่การเข้าจดทะเบียนในตลาดฯ เมื่อ 7 ปีก่อนแล้ว นี้จึงเป็นการกระทำที่ “ไม่เคยสายเกินการ” แม้คนจะมองว่านี่เป็นการโยนเผือกร้อนให้กับมืออาชีพก็ตามเพราะผลประกอบการของซีลิคนับแต่เปลี่ยนซีอีโอมาในช่วงภาวะถดถอยเนื่องจากธุรกิจใหม่ที่เข้าไปทำนั้นยังไม่สามารถชดเชยกำไรจากธุรกิจหลักคือทำกาวอุตสาหกรรมที่กลายเป็นธุรกิจขาลงอย่างรุนแรงจากวิกฤตโควิด-19 แต่ผลประกอบการที่ย่ำแย่กลับกระเตื้องขึ้นในปีนี้เนื่องจากธุรกิจใหม่ให้ผลตอบแทนที่ดีดังรายงานประกอบงบการเงินไตรมาส 2 และครึ่งปีแรก

ซีลิคยังคงต้องเผชิญกับความท้าทายเนื่องจากธุรกิจหลักคือการส่งออกกาวอุตสาหกรรมและสติ๊กเกอร์หรือฉลากที่มีกาวในตัวตกอยู่ในภาวะชะลออุปสงค์ของตลาดต่างประเทศที่อยู่ในภาวะเศรษฐกิจถดถอย เนื่องจากหลายประเทศยังคงดําเนินนโยบายทางการเงินแบบเข้มงวด เพราะอัตราเงินเฟ้อในหลายประเทศลดลงช้ากว่าที่คาดการณ์ ทําให้มีการคาดเดาเชิงลบว่าภาวะเศรษฐกิจถดถอยจะยังคงอยู่ต่อไปในครึ่งปีหลังของปี 2566 เป็นแรงกดดันต่อผลประกอบการของซีลิคโดยตรง

อย่างไรก็ตาม อุปสงค์ของตลาดในประเทศยังคงอยู่ในระดับที่เหมาะสม ทำให้สัดส่วนการขายของซีลิค เคลื่อนตัวมาทางตลาดในประเทศเพิ่มมากขึ้น

ขณะเดียวกันซีลิคได้ดําเนินแผนขยายตลาดไปในกลุ่มประเทศที่หลากหลายมากขึ้นเพื่อเตรียมตัวสำหรับการเติบโตหลังภาวะเศรษฐกิจถดถอย ซึ่งเป็นการปรับรูปแบบธุรกิจตามสถานการณ์ที่เหมาะสม

การที่ซีลิคมีกลุ่มธุรกิจที่หลากหลายและครอบคลุมทั้งแบบ B2B และ B2C รวมถึงสัดส่วนของกลุ่มลูกค้าทั้งในประเทศและต่างประเทศในสัดส่วนที่พอเหมาะ ทำให้สามารถปรับตัวในการดำเนินธุรกิจภายใต้สภาวะที่เศรษฐกิจที่มีความไม่แน่นอนได้อย่างเหมาะสม

ขณะเดียวกันธุรกิจใหม่ทางด้านกลุ่มผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพของซีลิคสามารถสร้างยอดขายที่เติบโตขึ้นอย่างต่อเนื่อง สามารถเพิ่มอัตราการผลิตและจัดจําหน่ายสินค้าที่หลากหลายเข้าสู่ตลาดเพิ่มมากขึ้น ในขณะที่ธุรกิจกาวอุตสาหกรรม และ ธุรกิจสติ๊กเกอร์หรือฉลากที่มีกาวในตัวยังคงเผชิญการชะลอตัวอย่างมีนัยสําคัญของอุปสงค์จากตลาดต่างประเทศ ซึ่งเป็นผลกระทบจากสภาวะเศรษฐกิจถดถอยในหลายตลาด

การเปิดทางให้ผู้บริหารจากภายนอก ที่ทำได้อย่างแนบเนียนเช่นนี้จะช่วยให้การปรับเปลี่ยนของ CELIC ทำได้สะดวกกว่าข้อจำกัดแบบเดิมของธุรกิจครอบครัว ต้องการมุมมองที่แตกต่าง และวิสัยทัศน์ที่จะเป็นแรงขับเคลื่อนเพื่อสร้างการเติบโตให้กับองค์กรในระยะยาว

แม้ราคาหุ้นของซีลิคยามนี้ยังตกต่ำก็ถือได้ว่าเป็นการเตรียมสำหรับความพร้อมในอนาคต ซึ่งมีโอกาสจะฟื้นตัวอีกครั้ง

Back to top button