ตกใจ!?

การแกว่งตัวไปมาของดัชนีในเที่ยวนี้ เหมือนเป็นการสะท้อนภาพให้เหล่านักลงทุนได้รู้ว่า โลกของการลงทุนไม่แน่นอนตายตัว


การแกว่งตัวไปมาของดัชนีในเที่ยวนี้ เหมือนเป็นการสะท้อนภาพให้เหล่านักลงทุนได้รู้ว่า โลกของการลงทุนไม่แน่นอนตายตัว มันขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ณ ช่วงเวลานั้น ๆ หรือแม้กระทั่งสิ่งแวดล้อมในประเทศและต่างประเทศ รวมไปถึงขึ้นอยู่กับว่าใครจะเป็นเจ้าภาพในการดันหุ้นยาว ๆ หรือทุบหุ้นเพื่อสลัดเม่า ดังนั้นด้วยบรรยากาศหลายอย่างยังไม่เอื้อให้ดันหุ้นแบบสุดลิ่มทิ่มประตู จึงต้องอ่านเกมในช่วงนี้ให้ขาดนะจะบอกให้

เช่นเมื่อวันศุกร์ที่ผ่านมาดัชนีหุ้นไทยที่คิดว่าจะปรับตัวขึ้นไปได้อีก ดังที่หลายฝ่ายประเมินไว้ ซึ่งดัชนีลงมาปิดที่ระดับ 1,519.12 จุด  ลบไป 9.69 จุด ด้วยมูลค่าซื้อขาย 5.69 หมื่นล้านบาท ตามปัจจัยต่างประเทศ ตกใจเจอแรงกดดันจากบริษัท ไชน่า เอเวอร์แกรนด์ กรุ๊ป ซึ่งเป็นบริษัทอสังหาริมทรัพย์รายใหญ่ของจีนได้ยื่นคำร้องต่อศาลแขวงนิวยอร์กของสหรัฐฯ เพื่อขอพิทักษ์ทรัพย์จากการล้มละลาย ขณะที่บอนด์ยีลด์สหรัฐฯ อายุ 10 ปี พุ่งทะลุ 4.3% นิวไฮในรอบ 15 ปีเพคะ

คล้ายกับสถานการณ์ของหุ้น WHA ทะยานขึ้นมาปิดที่ระดับ 5.10 บาท บวกไป 0.18 บาท หรือขึ้นไป 3.66% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 2.04 พันล้านบาท ทำออลไทม์ไฮใหม่ หลังจากมีบทวิเคราะห์มองเป็นบวก แถมปรับเป้าพรีเซลปีนี้ขึ้นเป็น 2.5 พันไร่ และราคาขายที่ดินที่โรงงานเร่งย้ายฐานผลิตจากจีนมาเมืองไทยนั้นเอง พร้อมกับครึ่งปีหลังมียอดโอนที่สูงขึ้น พ่วงรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากการขายทรัพย์เข้ากอง WHART เป็นปกติฤดูกาล “โมนิก้า” เห็นภาพแล้วช่างสดใสเสียจริงเลยเจ้าค่ะ

เช่นเดียวกับรายของหุ้น SAPPE ราคาเด้งขึ้นมาอีกครั้งมาปิดที่ระดับ 90 บาท บวกไป 3 บาท หรือขึ้นไป 3.45% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 182 ล้านบาท รอบนี้ลุ้นสุดใจว่าจะสามารถทำลายกำแพงบริเวณ 90 บาทได้หรือไม่? หากผ่านได้ต้านถัดไป 92.75 บาท แล้วสถานีที่ต้องเจอคือจุดนัดพบราคาเป้าหมายใหม่ 117 บาท ตามโบรกเกอร์ให้ไว้ “โมนิก้า” คิดลึก ๆ ว่ามีความเป็นไปได้ด้วยแนวโน้มผลประกอบการไตรมาส 3/66 ยังเติบโตต่อเนื่อง ทั้งในประเทศและส่งออกจากการทำการตลาดและสินค้าใหม่ปีนี้รวม 20 รายการน่ะจ๊ะ

เหมือนกับในรายของหุ้น COM7 เริ่มเปล่งประกาย…รัศมีจับ เนื่องจากไตรมาส 3/66 เข้าช่วงไฮซีซั่นธุรกิจยอดขายพุ่ง รับการเปิดตัวไอโฟนรุ่นใหม่เดือน กันยายนนี้ และไม่มีแผนปิดปรับปรุงสาขาเพิ่มเติม พร้อมเดินหน้าขยายสาขาใหม่ตามเป้าสิ้นปีแตะ 1,400 สาขา มิหนำซ้ำเห็นว่าคงเป้ารายได้รวมปี 66 เติบโตไม่ต่ำกว่า 20% “โมนิก้า” จึงไม่แปลกใจราคาหุ้นประคองปิดที่ระดับ 30 บาท ราคาไม่เปลี่ยนแปลง ด้วยมูลค่าซื้อขาย 967 ล้านบาท หวังทดสอบแนวต้านเก่า 32 บาทนะจ๊ะ

อีกตัวอาจเห็นการใส่เกียร์จัดเต็มอีกครั้งสำหรับหุ้น AMATA แนวโน้มกำไรครึ่งปีหลังน่าจะดีขึ้นจากการทยอยโอนที่ดินในนิคมได้ต่อเนื่อง จากทั้งแบ็กล็อกที่มีอยู่ในมือแล้วราว 8 พันล้านบาท ผสมกับแรงหนุนจากการลงทุนต่างชาติที่น่าเร่งตัวขึ้นจากการส่งเสริมของภาครัฐ จึงเริ่มเห็นสัญญาณของราคาหุ้นปรับตัวขึ้นมาปิดที่ระดับ 23.70 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 2.16% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 378 ล้านบาท ส่วนจะยืนระยะได้นานขนาดไหน?…อันนี้เดี๊ยนต้องบอกว่ามองทีละช็อตเจ้าค่ะ

ปิดท้ายฝากถึงนักลงทุนชอบเล่นกันบนความหวาดเสียว “โมนิก้า” ขอแถมหุ้นขาแว้นอย่าง CMO ไว้เป็นทางเลือกในยามเหงาก็แล้วกัน ล่าสุดกระชากขึ้นมายืนที่ระดับ 1.73 บาท บวกไป 0.32 บาท หรือขึ้นไป 22.70% ด้วยมูลค่าซื้อขาย 93 ล้านบาท มันเป็นเกมที่ล่อแมงเม่าให้เข้ามาดีเหลือเกิน เพราะสเต็ปการขึ้นค่อนไปในลักษณะ “ดันแรง ปล่อยร่วง” จึงกลายเป็นช็อตที่เร้าใจดีเหลือเกิน…อิอิอิ

Back to top button