CHO กลับสู่สิ่งถนัด.!?
ต้องยอมรับว่าการมาของไวรัสร้ายโควิด นอกจากจะทำลายอุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยวให้พังยับเยินแล้ว ยังทำให้ธุรกิจที่ผูกโยงกับอุตสาหกรรมดังกล่าวพลอยฟ้าพลอยฝนไปด้วย
ต้องยอมรับว่าการมาของไวรัสร้ายโควิด นอกจากจะทำลายอุตสาหกรรมการบินและการท่องเที่ยวให้พังยับเยินแล้ว ยังทำให้ธุรกิจที่ผูกโยงกับอุตสาหกรรมดังกล่าวพลอยฟ้าพลอยฝนไปด้วย หนึ่งในนั้นคือบริษัท ช ทวี จำกัด (มหาชน) หรือ CHO ของ “เฮียสุรเดช ทวีแสงสกุลไทย”…ซึ่งทำมาหากินอยู่กับธุรกิจสายการบิน เนื่องจากเป็นผู้ออกแบบและผลิตรถลำเลียงอาหารให้กับสายการบินต่าง ๆ ทั้งในประเทศและต่างประเทศ
สะท้อนได้จากผลการดำเนินงานในช่วง 3 ปีที่ผ่านมา ซึ่งขาดทุนต่อเนื่อง โดยปี 2563 มีรายได้รวม 647.96 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 238.74 ล้านบาท ถัดมาปี 2564 มีรายได้รวม 440.67 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 475.32 ล้านบาท และปี 2565 มีรายได้รวม 527.53 ล้านบาท ขาดทุนสุทธิ 642.78 ล้านบาท
แม้ก่อนหน้านี้ CHO จะพยายามแสวงหาโอกาสใหม่ ๆ เข้ามาเติมเต็ม ด้วยการไปการระดมทุนในรูปแบบ Special Purpose Acquisition Companies หรือ SPAC ที่สหรัฐอเมริกา ผ่านบริษัท Arogo Capital Acquisition Corp. มูลค่ากว่า 3.6 พันล้านบาท ซึ่งเทรดอยู่ในตลาดหลักทรัพย์ NASDAQ
รวมทั้งเข้าสู่เมกะเทรนด์ด้วยการขยายสู่ธุรกิจ Metaverse โดยไปจับไม้จับมือกับ EON Reality Inc., ซึ่งเป็นบริษัทชั้นแนวหน้าในสหรัฐอเมริกา ที่มีเทคโนโลยี AR, VR, XR ที่จำเป็นสำหรับธุรกิจ Metaverse ปัจจุบันมีลูกค้ามากกว่า 1 ล้านบัญชี โดย CHO ได้รับแต่งตั้งเป็นตัวแทนจำหน่ายในประเทศไทย และสปป.ลาว เพื่อจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์และซอฟต์แวร์สำหรับใช้งานในโลกเสมือนจริง
แต่…ดูเหมือนในโลกแห่งความเป็นจริงไม่เป็นอย่างที่คิด…นอกจากไม่สามารถเก็บเกี่ยวผลผลิตได้แล้ว มิหนำซ้ำยังนำมาสู่การผิดนัดชำระหุ้นกู้ เนื่องจากเงินที่คาดว่าจะมาเติมสภาพคล่องจากการระดมทุนในรูปแบบ SPAC ของบริษัท AROGO Capital Acquisition Corp. (บริษัทย่อย) ในตลาดหุ้น NASDAQ เจอโรคเลื่อนซะงั้น…โดยคาดว่าจะล่าช้าออกไป 4 เดือน…
ทำให้ตอนนี้ CHO สาละวนอยู่กับการแก้ปัญหาชีวิต หาเงินจ่ายหนี้หุ้นกู้…ก็ว่ากันไป
แต่ในมุมธุรกิจ…หลังจากโควิดคลี่คลาย อุตสาหกรรมการบินเริ่มกลับมา…แม้ยังอยู่ในช่วงการฟื้นตัว แต่เป็นสัญญาณที่ดี ทำให้ผลการดำเนินงานของ CHO เริ่มฟื้นตัวต่อเนื่อง ดูได้จากงบไตรมาสแรกปีนี้มีตัวเลขขาดทุนสุทธิลดลงเหลือ 124.99 ล้านบาท เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 157.34 ล้านบาท
ตามด้วยงบไตรมาส 2/2566 ที่มีตัวเลขขาดทุนสุทธิ 89.46 ล้านบาท ลดลงจากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่ขาดทุนสุทธิ 135.68 ล้านบาท โดยมีรายได้รวมอยู่ที่ 119.45 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 49.80% เมื่อเทียบกับปีก่อน แบ่งเป็นรายได้ตามสัญญา 58.61 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 182.46% เนื่องจากได้รับยอดสั่งซื้อจากลูกค้าต่างประเทศเพิ่มขึ้น และมีรายได้จากการขายและบริการ 56.27 ล้านบาท ลดลง 3.45% เนื่องจากงานซ่อมบำรุงตามสัญญาที่มีกับลูกค้าภาคเอกชนและภาครัฐลดลง
แถมล่าสุดมีสตอรี่เชิงบวกจากการไปเกี่ยวก้อยเป็นพันธมิตรกับ 2 บริษัทยักษ์ใหญ่ของจีน เพื่อเป็นตัวแทนขายรถไฟฟ้าแต่เพียงผู้เดียวในประเทศไทย ได้แก่ AVIC-INTL PROJECT ENGINEERING COMPANY ซึ่งเป็นหน่วยงานรัฐวิสาหกิจของจีน และ ANHUI ANKAI AUTOMOBILE CO., LTD. ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เซินเจิ้น และเป็นบริษัทผลิตรถบัสไฟฟ้าในเครือของบริษัทผลิตรถไฟฟ้าชั้นนำ JAC Motors ซึ่งเป็นบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์เซี่ยงไฮ้
เป็นอีกโปรเจกต์ที่จะมาช่วยหนุนการเติบโตของ CHO โดย “เฮียสุรเดช” วาดฝันไว้ว่า ภายในปี 2567 จะมียอดขายราว 600-700 คัน มูลค่าประมาณ 7.5 ล้านบาทต่อคัน ซึ่งจะเริ่มขายต้นปีหน้า
นั่นเท่ากับว่า CHO เริ่มกลับสู่สิ่งที่ถนัดแล้วน่ะสิ..!!
ส่วนจะพุ่งชนเป้าหมายได้สำเร็จหรือเปล่า…? ยังไม่รู้…
แต่ก็หวังว่าการกลับมาสู่สิ่งที่ถนัดครั้งนี้ จะช่วยให้ CHO ฝ่าฟันมรสุมไปได้…เอาใจช่วยนะคะ
…อิ อิ อิ…