หอมกลิ่นความเจริญ ?

ประเด็นเรื่องการเมืองอาจเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คน “เบื่อหน่าย” และ “ชิงชัง” เป็นอย่างมากก็จริง แต่ทั้งหมดก็เป็นเรื่องของการประสานผลประโยชน์ลงตัวขนาดไหน?


ประเด็นเรื่องการเมืองอาจเป็นเรื่องที่ทำให้ผู้คน “เบื่อหน่าย” และ “ชิงชัง” เป็นอย่างมากก็จริง แต่ทั้งหมดก็เป็นเรื่องของการประสานผลประโยชน์ลงตัวขนาดไหน? จึงไม่ควรแปลกใจกับปรากฏการณ์ “มวยล้มต้มคนดู” ที่มีออกมาให้เห็นเป็นระลอก “โมนิก้า” จึงขอแสดงความเสียใจกับคนที่เอาตัวไปผูกติดกับการเมืองมากเกินไป เพราะวันนี้ได้พิสูจน์ให้เห็นเต็มสองลูกตาว่า “ไม่มีใครดีกว่าใคร” และ “ไม่มีใครเลวกว่าใคร” นะตัวเอง

นั่นหมายความว่า ทั้งหมดเป็นเพียงวาทกรรมที่พยายามกระตุ้นให้ผู้คนมีอารมณ์ร่วมธรรมดา ๆ และคงได้เห็นธาตุแท้ของนักการเมืองที่ชอบแถมันเป็นอย่างไร? ซึ่งไล่ตั้งแต่การเหลิงอำนาจของผู้นำทางจิตวิญญาณของด้อมส้ม ซึ่งเริ่มต้นจากกินเบียร์โชว์ ถัดมาเป็นเรื่องของการใช้เงินหลวงเลี้ยงหมูกระทะ ล้วนเป็นเรื่องที่ชี้ให้เห็นความอ่อนด้อยทางปัญญาของคนที่จะมานำพาประเทศเจ้าค่ะ

ส่วนอีกฟากฝั่งก็มีวีรกรรมที่ไม่แพ้กัน เพราะพันธกิจหลักของพรรคสีแดงเน้นไปที่เรื่องเดียวคือ “พ่อกลับบ้าน” จึงสามารถพลิกลิ้นเพื่อให้พันธกิจบรรลุตามแผนที่วางไว้ วันนี้เลยเห็นภาพการจัดตั้งรัฐบาลเป็นไปอย่างหน้าชื่นตาบาน ขณะเดียวกันก็ได้เห็นแนวร่วมที่เคยอยู่ด้วยกันต้องกลับไปเลียแผลแบบขื่นขม “โมนิก้า” จึงสงสัยเหลือเกินว่า บรรดากองเชียร์ของแต่ละฝ่ายรู้สึก “หอมกลิ่นความเจริญ?” กันมากน้อยขนาดไหนพะย่ะค่ะ

เนื่องจากสิ่งที่ “โมนิก้า” สัมผัสมาตลอดในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาคือเกมของอำนาจ ซึ่งพยายามบิ้วให้ทุกคนเชื่อว่า ทำแบบนี้แล้วประเทศชาติจะเจริญ! ซึ่งเหมือนกับการที่ดัชนีทรุดลงไปในแดนลบ แต่สุดท้ายเด้งกลับขึ้นมาปิดที่ระดับ 1,525.85 จุด บวกไป 6.73 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 4.60 หมื่นล้านบาท พร้อมกับโฆษณาชวนเชื่อในลักษณะที่ว่า นักลงทุนรู้สึกมั่นใจมากขึ้นเมื่อเห็นหลายพรรคจับมือกันโหวตนายกฯ คนที่ 30 วันนี้นะคะ

เมื่อนักลงทุนส่วนใหญ่เชื่อว่า การได้รัฐบาลที่มีความมั่นคง และมีเสถียรภาพ น่าจะทำให้เศรษฐกิจในประเทศฟื้นตัวอย่างร้อนแรง จึงมีแรงซื้ออัดเข้าไปที่หุ้น KBANK เป็นจำนวนมากอีกครั้ง เพราะเชื่อว่า นี่เป็นแบงก์ที่ได้รับอานิสงส์มากสุดในช่วงที่เม็ดเงินในภาคธุรกิจสะพัดครั้งใหม่ วานนี้จึงเห็นหุ้นขึ้นมายืนปิดที่ระดับ 129 บาท บวกไป 0.50 บาท หรือขึ้นไป 0.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 2.09 พันล้านบาท จนมีลุ้นวิ่งขึ้นไปหายอดเดิมแถว 135 บาทนะจ๊ะ

ประเด็นดังกล่าวทำให้นักเล่นกระโดดไปเล่นหุ้น TIDLOR อย่างเมามัน ซึ่งเป็นผลมาจากความเชื่อที่ว่า หุ้นลีสซิ่งจะได้ประโยชน์เต็ม ๆ เมื่อรัฐบาลใช้นโยบายกระตุ้นเศรษฐกิจ ผนวกกับราคาเป้าหมายที่โบรกฯ ให้ไว้อยู่บริเวณ 27 บาท จึงเปิดช่องให้นักลงทุนทุกกลุ่มเข้ามาเล่นอย่างสบายใจ เพราะการขึ้นมาปิดที่ระดับ 21.60 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 4.85% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.30 พันล้านบาท มีอัพไซด์ให้เล่นอีกเพียบจ้า!

สำหรับหุ้นการเมืองที่ต้องเอ่ยถึงทุกครั้งเมื่อมีโอกาส “โมนิก้า” คงเทน้ำหนักไปที่หุ้น GULF แบบไม่ลังเลใจ เพราะที่ผ่านมาพวกด้อมส้มจ้องเล่นงานอย่างหนัก แต่ทันทีที่พวกตัวเองกระเด็นไปเป็นฝ่ายค้าน ก็คงไม่มีน้ำยาทำอะไรอีกต่อไป ราคาหุ้นถึงไต่ระดับขึ้นอย่างช้า ๆ จนวานนี้ขึ้นมาปิดที่ระดับ 49 บาท บวกไป 1 บาท หรือขึ้นไป 2.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.08 พันล้านบาทแบบนี้..ไปยาวแน่ ๆ เจ้าค่ะ

เม้าท์ถึงหุ้นที่เล่นกันยาว ๆ ขึ้นมาทั้งที “โมนิก้า” ก็อยากเม้าท์ถึงหุ้น JMART เพื่อชี้ให้เห็นความตั้งใจในการล้างบ้านที่เสร็จเร็วกว่ากำหนด กลายเป็นช็อตที่เรียกความมั่นใจได้ทันท่วงที เดี๊ยนเลยไม่กังวลกับการขึ้นรอบใหม่ของหุ้นตัวนี้ เพราะการขึ้นมาปิดที่ระดับ 20 บาท บวกไป 0.60 บาท หรือขึ้นไป 3.10% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 560 ล้านบาท มันคือบันไดสำหรับการขึ้นรอบใหม่อย่างเต็มตัวน่ะซี

ส่วนหุ้นไซส์จิ๋วเหมาะต่อการโหนกระแส เพราะก๊วนป่วนหุ้นออกของไปเกือบหมด “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้น PSG เพื่อชี้ให้เห็นแรง “ซื้อ ๆ ขาย ๆ” มันเหมือนเป็นการวัดพลังของแต่ละฝั่ง จนวานนี้หุ้นขยับขึ้นมาปิดที่ระดับ 0.96 บาท บวกไป 0.03 บาท หรือขึ้นไป 3.20% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 61 ล้านบาท และเป็นรอบที่ 5 ในระยะเวลาเดือนครึ่ง จึงมีลุ้นว่า หุ้นจะทะลุ 1 บาทขึ้นไปได้ก็เท่านั้นเอง..ไม่เชื่อลองถาม เฮีย ช. ดูสิคะ

Back to top button