สบายดี พี่น้องลาว
คนลาวไม่ค่อยชอบคนไทยที่เรียกพวกเขาว่าอ้ายน้อง เพราะถือเป็นคำดูถูก แต่คราวนี้ชนชาติลาวทั่วประเทศต้องตกอยู่ในสภาพกล้ำกลืนเพราะเศรษฐกิจกำลังล้ม
คนลาวไม่ค่อยชอบคนไทยที่เรียกพวกเขาว่าอ้ายน้อง เพราะถือเป็นคำดูถูก
แต่คราวนี้ชนชาติลาวทั่วประเทศต้องตกอยู่ในสภาพกล้ำกลืนเพราะเศรษฐกิจกำลังล้มเหลวแม้ยังไม่ถึงที่สุดจากวิกฤติค่าเงินเฟ้อมากกว่า 12% และวิกฤติน้ำมันที่ต้องเข้าคิวซื้อยาวเหยียดในแต่ละวัน ในขณะที่รัฐบาลลาวแถลงว่าอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจในสิ้นปีนี้จะไม่เกิน 4%
อัตราแลกเปลี่ยนเงินในตลาดมืด 500 กีบ ต่อ 1 บาท ถือว่าต่ำลงมากกว่าที่รัฐบาลประกาศอย่างเป็นทางการที่ 380 กีบต่อ 1 บาท ทำให้คนลาวไม่อาจจะลดความอายได้เมื่อถูกคนไทยล้อเลียนว่าค่าเงินกีบของลาวเหวี่ยงมากระหว่างกลางวันที่แถว 500 กีบต่อ 1 บาท แต่พอถึงกลางคืนเหลือแค่ 2 กีบต่อบาท
ซึ่งคำล้อเลียนดังกล่าวเข้าใจว่าสาวลาวยามกลางคืนต้องมีอาชีพขายบริการทางเพศเพื่อความอยู่รอด
ค่าเงินกีบที่หลุดร่วงมากเกินจริงนั้น ทำให้รัฐบาลสปป.ลาวที่มีหนี้สินส่วนใหญ่เป็นหนี้ต่างประเทศ และจะครบกำหนดชำระในสิ้นปีนี้มากถึง 3.5 หมื่นล้านดอลลาร์ ซึ่งถูกคาดเดาว่าอาจจะเกิดการเบี้ยวหนี้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ลาวก็เป็นได้
หนี้ต่างประเทศดังกล่าวเกิดจากการที่รัฐบาลลาวยุคใหม่ได้ทุ่มเทเงินไปกับการลงทุนในโครงสร้างพื้นฐานจำนวนมหาศาลร่วมกับต่างชาติในโครงการสร้างเขื่อนและเดินสายไฟฟ้าจากเหนือลงใต้ในช่วง 20 ปีที่ผ่านมา เพื่อขายไฟฟ้าเป็นรายได้มหาศาล โดยเอกชนต่างชาติที่เข้ามาลงทุน ต้องจัดหาเจ้าหนี้เงินกู้ให้รัฐบาลสปป.ลาวเพื่อการลงทุน
ผลลัพธ์คือเงินลงทุนในโครงการพื้นฐาน เป็นแหล่งก่อหนี้ต่างประเทศหลักของรัฐบาล
เพียงแต่หลายปีมานี้รัฐบาลสปป.ลาวบริหารเศรษฐกิจแบบสังคมนิยมโดยไม่มีการเก็บภาษีทางตรงจากประชาชนแต่เลือกเก็บภาษีทางอ้อมจากสินค้านำเข้าและพลังงานสำเร็จรูปจากประเทศไทยแทน
ที่ผ่านมารัฐบาลลาวมีงบประมาณครึ่งหนึ่งเป็นเงินช่วยเหลือจากต่างชาติเป็นสำคัญ และรายได้จากการขายสัมปทานให้เอกชนต่างชาติและบริษัทในประเทศ เช่น กลุ่มดาวเรืองที่ผูกขาดการค้ากาแฟทั้งระบบ แต่เงินช่วยเหลือจากต่างชาติลดลงไปอย่างมาก สร้างปัญหาด้านงบประมาณที่รัฐต้องตัดงบด้านการศึกษาและสาธารณสุขลงอย่างรุนแรง แต่ก็ไม่ได้ช่วยให้ปัญหาทางการคลังของรัฐบาลกระเตื้องขึ้น โดยเฉพาะรายได้จากต่างประเทศในช่วงของการระบาดโควิด-19 ซึ่งทำให้เงินรายได้จากการท่องเที่ยวหายไปรุนแรง
สัญญาณร้ายเกิดขึ้นอย่างเป็นทางการเมื่อรัฐบาลลาวได้ประกาศควบคุมตลาดอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราอย่างเบ็ดเสร็จ
วันพฤหัสบดีที่ 20 ตุลาคม 2565 สื่อมวลชนหลายแห่งในลาวได้เผยแพร่มาตรการที่ธนาคารแห่ง สปป.ลาว นำมาใช้เพื่อแก้ไขวิกฤติเศรษฐกิจ ซึ่งลาวกำลังเผชิญอยู่อย่างหนักหน่วง
มาตรการที่เพิ่งประกาศออกมา มีเป้าหมายเบื้องต้นเพื่อสร้างเสถียรภาพให้กับเงินกีบที่ได้อ่อนค่าลงมาอย่างรุนแรง ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อของลาวพุ่งสูงขึ้นสร้างสถิติสูงสุดใหม่ต่อเนื่องมาตั้งแต่ต้นปี 2565 เพิ่มภาระค่าครองชีพแก่ประชาชนลาว เพราะสินค้าจำเป็นทุกชนิดล้วนแพงขึ้นอย่างถ้วนหน้า
มาตรการล่าสุดออกตาม “ข้อตกลง” ของธนาคารแห่ง สปป.ลาว 2 ฉบับ คือ ข้อตกลงเลขที่ 778/ทหล. ว่าด้วย “การปรับปรุงอัตราดอกเบี้ยพื้นฐานของธนาคารแห่ง สปป.ลาว” และข้อตกลงเลขที่ 779/ทหล. ว่าด้วย “การกำหนดอัตราแลกเปลี่ยน” ข้อตกลงทั้ง 2 ฉบับได้รับการลงนามโดยบุนเหลือ สินไซวอละวง ผู้ว่าการธนาคารแห่ง สปป.ลาว เมื่อวันที่ 11 ตุลาคม 2565
ประเด็นสำคัญของข้อตกลงทั้ง 2 ฉบับ ได้แก่ การปรับอัตราดอกเบี้ยพื้นฐานสำหรับสกุลเงินกีบขึ้นมาอีก 1 เท่าตัว จาก 3.1% เป็น 6.5% ต่อปี อัตราดอกเบี้ยตัวนี้เป็นเครื่องมือที่ธนาคารแห่ง สปป.ลาว ใช้เสริมสภาพคล่องให้แก่ธนาคารพาณิชย์
นอกจากนี้ ธนาคารแห่ง สปป.ลาว ยังได้กำหนดส่วนต่างของเงินกีบเมื่อเทียบกับเงินดอลลาร์สหรัฐ ให้อยู่ในกรอบไม่เกิน +/-4.50% จากอัตราอ้างอิงที่ประกาศออกมาในแต่ละวัน
แต่มาตรการสำคัญและถูกกล่าวถึงมากที่สุด คือการกำหนดให้ร้านตัวแทนรับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศสามารถซื้อเงินดอลลาร์เข้ามาได้ แต่ห้ามขายออก!!!
หมายความว่า ผู้ส่งออกหรือบุคคลที่มีเงินดอลลาร์ สามารถนำดอลลาร์ไปขายเพื่อเปลี่ยนเป็นเงินกีบจากร้านตัวแทนแลกเปลี่ยนเงินตราเหล่านี้ได้แต่หากต้องการซื้อเงินดอลลาร์ ต้องไปซื้อจากธนาคารพาณิชย์ที่ได้รับอนุญาตจากธนาคารแห่ง สปป.ลาว เท่านั้น
ถือเป็นอีกหนึ่งมาตรการที่ถูกนำมาใช้ควบคุมร้านตัวแทนรับแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศอย่างเข้มงวด หลังการกวาดล้างธุรกิจแลกเปลี่ยนเงินเถื่อนที่ไม่มีใบอนุญาตครั้งใหญ่เมื่อประมาณ 5 เดือนก่อนเพราะรัฐบาล สสป.ลาว เอาไม่อยู่เสียแล้ว การประกาศดังกล่าวส่อนัยด้วยว่า ค่าเงินกีบจะต้องด้อยค่าลงไปอีก ทำให้นักลงทุนและชาวลาวพากันเลือกไม่ถือเงินกีบแต่หันไปถือเงินหยวนของจีน ดอลลาร์สหรัฐและเงินบาทไทย
ที่สำคัญตลาดมืดของค่าเงินนั้น ให้ค่าเงินที่ทางการประกาศออกมาไร้ความหมาย โดยเฉพาะหลังจากข่าวคราวเรื่องวิกฤติเบี้ยวหนี้ของรัฐบาลที่กำลังจะเกิดขึ้นในปลายปีนี้ ทำให้คำว่าสบายดีพี่น้องลาวจากฝั่งไทยดูแห้งแล้งสำหรับคนลาวที่มองไม่เห็นอนาคตของเศรษฐกิจประเทศสังคมนิยมที่พรรคปฏิวัติลาวออกอาการไม่ดีเอาเสียเลย