เกมเขย่าหุ้น

ดูเหมือนเส้นแนวต้าน 200 วันจะสร้างปัญหาให้กับการทะยานขึ้นของดัชนีอย่างมาก เพราะเมื่อดูจากการลาดเอียงของเส้นดังกล่าวจะเห็นว่า เส้นนี้กดต่ำลงเรื่อย ๆ


ดูเหมือนเส้นแนวต้าน 200 วันจะสร้างปัญหาให้กับการทะยานขึ้นของดัชนีอย่างมาก เพราะเมื่อดูจากการลาดเอียงของเส้นดังกล่าวจะเห็นว่า เส้นนี้กดต่ำลงเรื่อย ๆ จากที่เคยอยู่บริเวณ 1,600 จุด ต่อมาก็ลดลงมาอยู่ที่บริเวณ 1,585 จุด ขณะที่เส้นแนวรับ 10 วันที่คอยทำหน้าที่ประคองดัชนี ก็พลิกมาเป็นแนวต้านระยะสั้นบริเวณ 1,560 จุดแบบนี้..เหมือนเป็นการบีบให้นักเล่นต้องขายหุ้นออกมาก่อนนะจ๊ะ

นั่นหมายความว่า ต่อจากนี้จะเป็นเกมเขย่าหุ้นอย่างเต็มตัว ซึ่งจะมีทั้งการเขย่าแบบเบา ๆ และการเขย่าแบบหนัก ๆ ซึ่งจะต้องวัดดวงกันว่า เส้นแนวรับ 25 วันที่บริเวณ 1,540 จุดจะต้านแรงขายได้นานแค่ไหน? หรือแม้กระทั่งเส้นแนวรับ 75 วันที่บริเวณ 1,530 จุด ซึ่งเป็นแนวรับสุดท้ายจะมีการซื้อกลับหรือไม่? ล้วนเป็นรายละเอียดปลีกย่อยที่นักเล่นต้องมอนิเตอร์เกมแบบวันต่อวันพะย่ะค่ะ

วันนี้เลยต้องถามว่า การยืนปิดของดัชนีที่ระดับ 1,548.78 จุด บวกไป 0.92 จุด ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 5.39 หมื่นล้านบาท คุ้มค่ากับความเสี่ยงขนาดไหน? เพราะสิ่งที่เห็นอยู่ตรงหน้ายังมีประเด็นให้คิดหนักหลายเรื่อง อาทิเช่น ราคาน้ำมันที่พุ่งขึ้นอีกครั้ง และภาพรวมของเศรษฐกิจโลกที่ดูชะลอตัวลง หรือแม้กระทั่งภาวะเงินเฟ้อที่ยังตามหลอกหลอนไม่เลิก ล้วนเป็นแรงกดทับที่มีผลโดยตรงกับตลาดหุ้นไทยนะจะบอกให้

ประเด็นข้างต้นอาจไม่ใช่เรื่องใหม่ก็จริง แต่ทุกครั้งที่มีการหยิบประเด็นดังกล่าวขึ้นมาพูดทีไร “โมนิก้า” ก็เห็นนักลงทุนพร้อมที่จะขายหุ้นออกมาทุกครั้ง เพราะจินตนาการไปถึงขั้นที่ว่า ดัชนีจะลงไปตั้งหลักบริเวณ 1,500 จุดเหมือนรอบก่อน ทั้งที่ตัวแปรหลายอย่างไม่เหมือนเมื่อก่อน แถมข่าวดีใหม่ ๆ ก็ยังทยอยออกมาให้เห็นประปรายแบบนี้ “โมนิก้า” มองเป็นเกมหุ้นที่อิงสัญญาณ “เทคนิค” มากกว่าปัจจัย “พื้นฐาน” เจ้าค่ะ

ส่วนรายที่โดนกระทบสองอย่างพร้อมกัน จนราคาหุ้นร่วงเป็นนกปีกหักอีกครั้ง “โมนิก้า” คงมองไปที่หุ้นกระดาษลัง SCGP ซึ่งโดนเรื่องราคาน้ำมันขึ้นรอบใหม่เล่นงานอีกครั้ง และทำให้หลายคนมองว่า กำไรจะออกมาไม่ดีนั้น ล้วนเป็นมูลเหตุที่ทำให้กองทุนกระหน่ำขายหุ้นไม่ยั้ง จนราคาหุ้นหลุดแนวรับสุดท้ายลงไปแบบนี้ มันเป็นเรื่องที่ชวนให้คิดว่า การยืนปิดที่ระดับ 38.75 บาท ลบไป 1.75 บาท หรือลงไป 4.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.64 พันล้านบาท ไม่ใช่ก้นเหวน่ะซี

อีกรายที่อาการหนักไม่แพ้กัน “โมนิก้า” ขอโฟกัสไปที่หุ้น TIDLOR ซึ่งกำลังฟอร์มตัวรอบใหม่ และพยายามฝ่าเส้นแนวต้าน 200 วัน แต่สุดท้ายก็โดนทุบพรวดเดียวลงมากองอยู่ที่ 22.20 บาท ลบไป 1 บาท หรือลงไป 4.30% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 1.23 พันล้านบาท มันเป็นสถานการณ์ที่ไม่ปกติสำหรับหุ้นที่กำลังเค้นฟอร์มเก่งออกมาให้นักเล่นได้เห็น เดี๊ยนเลยสังหรณ์ใจว่า หุ้นจะอ่อนตัวลงไปที่ฐานเก่าบริเวณ 20 บาทกระมัง!

คล้ายกับในรายของ SNNP ที่อ่อนตัวจนหลุดแนวรับสุดท้ายตรงเส้น 25 วัน ท่ามกลางค่าสัญญาณ RSI หัวปักลงดินรอบใหม่ พ่วงด้วยค่า Modified Stochastic ก็หัวทิ่มดินเหมือนกัน โดยที่หุ้นลงมาปิด 21.20 บาท ลบไป 0.90 บาท หรือลงไป 4% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 218 ล้านบาท มันเหมือนบอกให้รู้ว่า หุ้นมีโอกาสลงไปหาฐานเก่าที่ระดับ 20 บาทค่อนข้างสูง เพราะสตอรี่ที่เกี่ยวกับการเติบโตถูกเอามาเล่นหมดแล้ว และที่เหลือต่อจากนี้มีเพียงแค่ว่า ผลงานดีกว่าคาดอ๊ะป่าว?..อิอิอิ

สำหรับรายที่น่าเห็นใจสุด ๆ คงเป็นหุ้นข้าวโพดหวาน SUN เพราะโดนขายหนักจนเข้าเขต oversold แต่แรงขายก็ยังไม่เบาลงเลย วานนี้ถึงเห็นหุ้นลงมากองอยู่ที่ระดับ 5.10 บาท ลบไป 0.25 บาท หรือลงไป 4.65% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 35 ล้านบาท พร้อมกับทำราคาต่ำสุดในรอบ 4 เดือน “โมนิก้า” มองเป็นเรื่องของการปิดจ๊อบเป็นประเด็นหลัก และอาจถึงเวลากลับไปตั้งฐานเก่าบริเวณ 4.50 บาทอีกครั้งนะนายจ๋า!

ตบท้ายที่หุ้นใหญ่ที่มีชะตากรรมคล้ายกับรายข้างต้นกันดีกว่า โดยเฉพาะในรายของ GPSC ถูกรินขายเป็นเวลา 8 เดือน แถมทุกครั้งที่ผงกหัวขึ้นทีไร ก็ถูกกดลงไปทำโลว์ใหม่ทุกที “โมนิก้า” ถึงสงสัยว่า การลงมายืนปิดที่ระดับ 51.25 บาท ลบไป 1.25 บาท หรือลงไป 2.40% ด้วยมูลค่าการซื้อขาย 670 ล้านบาท โดยที่หุ้นเข้าเขตขายมากเกินไปมาระยะหนึ่ง และราคาหุ้นก็หลุดแนวรับเป็นที่เรียบร้อยแบบนี้..สงสัยจะไม่ได้ผุดได้เกิดแล้วล่ะค่ะ

Back to top button