พาราสาวะถี

วันอาทิตย์นี้ลุ้นผลการเลือกตั้งซ่อม สส.เขต 3 ระยอง แม้จะมีผู้สมัคร 3 ราย แต่จะเป็นการชิงชัยกันแค่สองผู้สมัครจาก 2 พรรคการเมืองหลัก


วันอาทิตย์นี้ลุ้นผลการเลือกตั้งซ่อม สส.เขต 3 ระยอง แม้จะมีผู้สมัคร 3 ราย แต่จะเป็นการชิงชัยกันแค่สองผู้สมัครจาก 2 พรรคการเมืองหลัก ก้าวไกล กับ ประชาธิปัตย์ เท่านั้น โดยพรรคชนะเลือกตั้งส่ง พงศธร ศรเพชรนรินทร์ อดีตผู้สมัคร สส.ปาร์ตี้ลิสต์ ขณะที่พรรคเก่าแก่ส่ง บัญญัติ เจตนจันทร์ ช่วงชิงเก้าอี้ พิจารณาจากบรรยากาศการหาเสียง และสถานการณ์ทางการเมือง แนวโน้มชี้ไปในทิศทางพรรคสีส้มเข้าเส้นชัยแบบลอยลำ ทิ้งคู่แข่งไม่เห็นฝุ่น

นั่นก็แค่ทำให้พรรคแกนนำฝ่ายค้านรักษา 1 เสียงของตัวเองไว้ได้เท่านั้น ไม่ได้ส่งผลหรือมีนัยใดทางการเมือง หลังจากนั้นรุ่งขึ้นเกาะติดความเคลื่อนไหวที่รัฐสภาฟังการแถลงนโยบายของรัฐบาลต่อที่ประชุมรัฐสภา ฝ่ายค้านที่ก้าวไกลพกความแค้นจากการถูกพรรคแกนนำรัฐบาลฉีกเอ็มโอยูไปจับมือขั้วการเมืองเดิมเข้าสู่อำนาจการบริหารประเทศ เตรียมที่จะชำแหละ ขยายแผล เศรษฐา ทวีสิน จากเรื่องที่ถูกโจมตีก่อนรับตำแหน่ง น่าจะเป็นน้อง ๆ การซักฟอกเสียด้วยซ้ำไป

พ่วงด้วยพวกลากตั้งที่ถูกผู้มีพระคุณสับขาหลอก ทำให้เกิดอาการหน้าแหกในวันโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีรอบที่ผ่านมา จองกฐินที่จะอภิปรายนโยบายดิจิทัลวอลเล็ต และการแก้ไขรัฐธรรมนูญด้วยการทำประชามติให้มี ส.ส.ร.มายกร่าง หากฟังจากการโหมโรงหรือข้อมูลจากคุณแหล่งข่าวทั้งหลายอาจดูเหมือนว่าจะทำให้นายกฯ มือใหม่หนักใจ มีโอกาสถูกถลกหนังเล่นงานสะบักสะบอม แต่ได้ฟังข้อมูลจากวงในของพรรคแกนนำรัฐบาลงานนี้ไม่มีตกใจ เผลอ ๆ อาจได้เห็นลีลาที่ไม่คาดคิดจากเศรษฐาก็เป็นได้

อย่าลืมว่าก่อนที่จะกระโจนเข้ามาเล่นการเมืองแบบเต็มตัว เศรษฐาได้ชื่อว่าเป็นซีอีโอจอมคอลเอาท์ แสดงความเห็นทางการเมืองอย่างตรงไปตรงมา ด้วยมุมมองที่เฉียบคมหลายครั้งหลายหน ขณะเดียวกัน ด้วยสายสัมพันธ์ส่วนตัวที่ดีกับอดีตผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทยอย่าง ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ก็ได้รับการฝึกปรือเรื่องการพูด และวิธีการเสนอทางการเมืองมาในระดับหนึ่ง ดังนั้น ฝ่ายค้านที่คิดว่าจะเชือดได้แบบนิ่ม ๆ ระวังจะถูกตอกหน้าหงายก็แล้วกัน 

ปมเงินดิจิทัล 1 หมื่นบาท จากเสียงวิจารณ์ต่าง ๆ นานานั้น จุลพันธ์ อมรวิวัฒน์ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงการคลัง ได้อธิบายถึงวิธีการที่จะดำเนินการแล้ว แต่เชื่อว่ายังไม่ใช่คำตอบต่อข้อสงสัยทั้งหมด ซึ่งน่าจะเป็นการอุบไต๋ไว้ไปขยายผลในการถูกอภิปรายช่วงของการแถลงนโยบาย แต่อย่างน้อยก็ทำให้รู้ว่า นโยบายการแจกเงินดิจิทัลคนละ 10,000 บาท สำหรับคนที่มีอายุ 16 ปีขึ้นไป จะเป็นการแจกตามชื่อที่อยู่ในทะเบียนบ้านเท่านั้น ด้วยการใช้เทคโนโลยีบล็อกเชนดำเนินการ โดยจะมีแอปพลิเคชันรองรับ

เป็นการยืนยันว่าไม่ได้จ่ายผ่านแอปเป๋าตังเหมือนที่ปรากฏเป็นข่าวก่อนหน้า จุดสำคัญที่ยังมีข้อกังขาก็คือ งบประมาณที่จะนำมาใช้ราว 5.6 แสนล้านบาทนั้น จุลพันธ์อธิบายว่า มาจากหลายส่วน ทั้งเงินงบประมาณ การจัดเก็บรายได้ที่เพิ่มขึ้น และเงินจากบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ส่วนกรณีที่มีข่าวว่าจะยืมเงินจากรัฐวิสาหกิจ และขายหุ้นกองทุนวายุภักษ์นั้น ยังไม่มีข้อสรุป เพราะต้องพิจารณารายละเอียดอีกหลาย ๆ ด้าน ซึ่งในการแถลงนโยบายจะแทงกั๊กแบบนี้ไม่ได้

ขณะที่เรื่องของการแก้ไขรัฐธรรมนูญ อาจจะถูกตีจากพวกลากตั้งมากที่สุด หากเป็นเช่นนั้นก็ไม่ใช่เรื่องยาก เนื่องจากคนเหล่านั้นมีปมจากรากที่มาของตัวเอง ทำให้ฝ่ายรัฐบาลหยิบยกมาเป็นประเด็นโต้ตอบได้ แต่ดูจากการจัดลำดับความสำคัญแม้จะเป็นนโยบายเร่งด่วน ก็ถูกวางไว้ลำดับท้าย ๆ ซึ่งดูคล้ายกับที่รัฐบาลเผด็จการสืบทอดอำนาจเคยทำมาก่อนหน้า ถือเป็นการขัดกับสัญญาประชาคมที่พรรคเพื่อไทยอ้างในการพลิกขั้วว่า จะนำวาระเสนอแก้ไขรัฐธรรมนูญบรรจุเข้าสู่ที่ประชุม ครม.นัดแรกทันที

ที่ถูกคาดหมายว่าอาจจะได้เห็นการฉายภาพความเป็นนักบริหารที่เกาะติดความเคลื่อนไหวทางการเมืองมาโดยตลอดของเศรษฐาคือ นโยบายแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำจากที่เจ้าตัวเคยย้ำมาตลอดว่า ระยะห่างระหว่างคนรวยและคนจนเริ่มถ่างกว้างมากขึ้นเรื่อย ๆ พร้อมระบุคนรวยจะต้องช่วยคนจน ต้องมาดูว่าเมื่อมีอำนาจที่จะจัดการปัญหาที่ตัวเองมองเห็นแล้ว จะสามารถขายความคิด จนนำไปสู่การแปลงเป็นนโยบายและขับเคลื่อนเพื่อให้คนยอมรับได้หรือไม่

ไม่เพียงเท่านั้น สิ่งที่นายกฯ คนที่ 30 ย้ำทั้งในวงกินข้าวเที่ยงกับ 16 รัฐมนตรีเพื่อไทย และการประชุม ครม.นัดพิเศษก็คือ รัฐบาลชุดนี้เป็นรัฐบาลของประชาชน ต้องทำเพื่อประชาชน จะต้องไม่เป็นเพียงลมปากเหมือนอย่างพวกนักเลือกตั้งอาชีพชอบทำกัน คาดว่าน่าจะไม่นานที่เราจะได้เห็นนายกฯ รายนี้มีฝีมือจริงหรือไม่ เพราะเจ้าตัวบอกกับนักข่าวว่า 2-3 เดือนค่อยมาถามตนว่าจะอยู่ภายใต้อาณัติการสั่งการของ ทักษิณ ชินวัตร หรือคนตระกูลชินวัตรหรือไม่ นั่นแสดงให้เห็นว่า มีความมั่นใจว่าผลของงานที่ได้ประกาศว่าจะทำอย่างไม่มีวันเหน็ดเหนื่อย น่าจะผลิดอกออกผลในเร็ววัน 

ที่น่าแปลกใจทันทีที่รัฐบาลใหม่เข้ามาทำงาน จะเห็นได้ว่าบรรดาข้อมูลข่าวสารที่เป็นด้านลบโจมตีกันแทบจะรายวันก่อนหน้านั้น หายวับไปกับตาเหมือนกัน ไม่ใช่เรื่องการเกี๊ยะเซี้ยะทางการเมือง หากแต่เป็นกรณีบรรดาพวกรับจ้างทำสงครามข่าวสารหรือไอโอก่อนหน้านี้ ก็พลอยตกงานกับการวางมือของผู้นำเผด็จการสืบทอดอำนาจไปด้วย รอดูว่าบางสื่อที่พยายามทำตัวเหมือนว่าเป็นสื่อกระแสหลักทั้งที่รับเงินสนับสนุนมาจากขบวนการสืบทอดอำนาจ จะยืนระยะอยู่ได้อีกกี่น้ำ

ข้อสังเกตง่าย ๆ หากพวกอยากอยู่ยาวยังแข็งแรงเหมือนเดิม ก่อนการแถลงนโยบายของรัฐบาลวันจันทร์นี้จะมีสารพัดข่าวปล่อยโจมตีทั้งเรื่องส่วนตัวเศรษฐา และบรรดารัฐมนตรีทั้งหลายโดยเฉพาะจากพรรคเพื่อไทย แต่นาทีนี้กลับสวนทางกัน ไม่ต่างกับพวกนักร้องที่นับวันเส้นทางการทำมาหากินจะแคบลงเรื่อย ๆ ซึ่งก็ขึ้นอยู่กับความสามารถในการบริหารประเทศของรัฐบาลชุดใหม่ ถ้าทำได้ดีและเห็นผลเร็ว คนเหล่านี้ก็จะไม่เหลือที่ยืนให้อ้างอีกว่าตรวจสอบเพื่อบ้านเมือง ทั้งที่ความจริงเป็นที่รู้กันว่าแต่ละเรื่องที่เคลื่อนไหวกันนั้นรับงานใครมา

Back to top button