BDMS อัปเพดานต่างด้าว.!

ในช่วงที่ผ่านมา บริษัท กรุงเทพดุสิตเวชการ จำกัด (มหาชน) หรือ BDMS ของ “หมอเสริฐ”-นายแพทย์ปราเสริฐ ปราสาททองโอสถ เป็นหนึ่งในหุ้นโรงพยาบาลชั้นนำ ที่อยู่ในช่วงของการฟื้นตัว หลังจากต้องแอดมิตจากอาการป่วยโควิดมานานเกือบ 3 ปี…

ดูได้จากงบปี 2565 ที่มีรายได้รวม 93,055.58 ล้านบาท กำไรสุทธิ 12,606.20 ล้านบาท แม้จะยังไม่เทียบเท่าก่อนโควิด แต่เห็นการฟื้นตัวอย่างชัดเจน…

ตอกย้ำด้วยงบช่วง 6 เดือนแรกปี 2566 ที่ตุนกำไรสุทธิไว้แล้ว 6,533 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 7% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 6,107 ล้านบาท โดยมีรายได้จากการดำเนินงานรวม 48,685 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 8% เนื่องจากการเพิ่มขึ้นของรายได้ค่ารักษาพยาบาล 7% โดยมีการเติบโตดีจากรายได้ผู้ป่วยต่างชาติ 30% ส่วนผู้ป่วยชาวไทยค่อนข้างทรงตัว เนื่องจากการลดลงของรายได้ที่เกี่ยวข้องกับโควิด ขณะที่ผู้ป่วยชาวไทยที่ไม่เกี่ยวข้องกับโควิดเติบโตสูง 25%

ดังนั้น ถ้าไม่สะดุดยอดหญ้าไปเสียก่อน ผลงานปีนี้ก็น่าจะปังปุริเย่อยู่หนา…

แต่น่าเสียดายที่เม็ดเงินลงทุนต่างชาติเข้าไม่ได้นี่สิ…แม้จะถูกอัปเกรดติดดัชนีสากล ไม่ว่าจะเป็น MSCI หรือ FTSE แต่กองทุนต่างชาติก็เข้าไม่ได้ เพราะติดล็อกเงื่อนไขที่ว่าสัดส่วนการถือหุ้นของคนต่างด้าวจะต้องไม่เกิน 25%..!!

เรียกว่าต่อให้หุ้น BDMS จะดีเด่แค่ไหน…กองทุนก็ได้แต่มอง..ว่างั้น..?

ทำให้ที่ผ่านมากองทุนต่างชาติต้องไปแวะที่ บริษัท โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ จำกัด (มหาชน) หรือ BH หรือไม่ก็บริษัท โรงพยาบาลพระรามเก้า จำกัด (มหาชน) หรือ PR9 แทน…

ทำให้ BDMS เสียโอกาสไปโดยปริยาย..!!

แต่ล่าสุดที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้นเมื่อวันที่ 6 ก.ย. 2566 มีมติเสียงท่วมท้นให้แก้ไขข้อบังคับใหม่ให้สอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน โดยเพิ่มสัดส่วนการถือหุ้นของคนต่างด้าวจากเดิมล็อกไว้ที่ 25% เป็น 30% แทน…

พอปลดล็อกตรงนี้ ก็จะทำให้เม็ดเงินลงทุนต่างชาติไหลเข้ามาในหุ้น BDMS ได้สะดวกโยธินมากขึ้น…

ด้านราคาหุ้นก็จะมีเสถียรภาพมากขึ้น…จะไม่ขึ้นลงหวือหวา เพราะไม่ใช่หุ้นเก็งกำไรอีกต่อไป จากเดิมมีผู้ถือหุ้นใหญ่ไม่กี่คนที่โยนหุ้นกันไปกันมา…(คงไม่ต้องบอกนะว่าเป็นไผ) ต่อไปภาพตรงนี้น่าจะหายไปอ๊ะป่าว..?

ในส่วนของตัวบริษัท…เรื่องปัจจัยพื้นฐานไม่ต้องพูดถึง แข็งแกร่งอยู่แล้ว จากการเปิดเมืองเปิดประเทศ ทำให้ผู้ป่วยต่างชาติเริ่มกลับมา ประกอบกับนโยบายฟรีวีซ่านักท่องเที่ยวชาวจีนและอินเดีย ของรัฐบาลนายกฯ “เศรษฐา ทวีสิน” ที่จะเริ่ม 1 ต.ค.นี้ เพื่อกระตุ้นภาคการท่องเที่ยวรับไฮซีซัน เป็นอีกแรงหนุนให้ลูกค้าชาวจีนและอินเดียเดินทางเข้ามาใช้บริการโรงพยาบาลในเครือข่าย BDMS มากขึ้น

เพราะด้วยชื่อเสียงของ BDMS เป็นที่ยอมรับของกลุ่มลูกค้าต่างชาติอยู่แล้ว…

สอดคล้องกับมุมมองของนักวิเคราะห์สำนักต่าง ๆ ที่ต่างมีมุมมองเชิงบวกต่อ BDMS โดย บล.กรุงศรี คาดกำไรในไตรมาส 3/2566 จะฟื้นตัวจากไตรมาสก่อน สนับสนุนจากรายได้ที่เพิ่มขึ้นจากผู้ป่วยชาวไทย (เป็นช่วงโรคระบาดตามฤดูกาลสูงสุดของปี และสำนักประกันสังคมปรับขึ้นอัตราเหมาจ่ายรายหัว 10.2%) และจากผู้ป่วยต่างชาติ (จาก wait list ของผู้ป่วยที่สูงถึง 20,000 ราย คาดผู้ป่วยตะวันออกกลาง และเมียนมา จะเพิ่มขึ้น) บริษัทจะโฟกัสที่ศูนย์โรคเฉพาะทาง ซึ่งจะสร้างรายได้และอัตรากำไรเติบโตอย่างยั่งยืน

แหม๊…มีดีซะขนาดนี้ ถ้ากองทุนเข้าไม่ได้ ก็เสียของน่ะสิ…ว่าป๊ะล่ะ..!?

…อิ อิ อิ…