M ไม่ได้ดั่งใจ.!
ถูกคาดหวังไว้เยอะ.!! ว่าการเปิดบ้านเปิดเมืองหลังจากโควิดคลี่คลาย จะทำให้หุ้นในกลุ่มของกินของใช้กลับมากระโดดโลดเต้น หนึ่งในนั้นก็คือ M
ถูกคาดหวังไว้เยอะ.!! ว่าการเปิดบ้านเปิดเมืองหลังจากโควิดคลี่คลาย จะทำให้หุ้นในกลุ่มของกินของใช้กลับมากระโดดโลดเต้น หนึ่งในนั้นก็คือ บริษัท เอ็มเค เรสโตรองต์ กรุ๊ป จำกัด (มหาชน) หรือ M หุ้น “หม้อร้อน” ที่โตมาจากธุรกิจสุกี้ในนามร้านเอ็มเคสุกี้ ก่อนจะขยายไปสู่ธุรกิจชาบู ภายใต้แบรนด์ยาโยอิ และอื่น ๆ เช่น ร้านอาหารไทย ร้านกาแฟ ขนมหวาน ข้าวกล่อง ฯลฯ ที่ถูกมองว่าจะได้รับประโยชน์ไปเต็ม ๆ จากการที่ลูกค้ากลับมาใช้บริการตามปกติ…
แต่เอาเข้าจริง…ไม่ได้หวือหวาอย่างที่คิดแฮะ ทั้งในแง่ของผลประกอบการ สะท้อนได้จากงบไตรมาส 2/2566 ที่มีกำไรสุทธิ 459 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 4.5% จากไตรมาส 2/2565 ที่มีกำไรสุทธิ 439 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายและบริการ 4,435 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.4% จากไตรมาส 2/2565 ที่มีรายได้จากการขายและบริการ 4,016 ล้านบาท
ส่วนงบครึ่งแรกของปี 2566 มีกำไรสุทธิอยู่ที่ 784 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 10.4% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีกำไรสุทธิ 710 ล้านบาท และมีรายได้จากการขายและบริการ 8,524 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 13.5% จากช่วงเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้จากการขายและบริการ 7,511 ล้านบาท
จะเห็นว่าผลประกอบการไม่ได้ดีเด่อะไร..!? หรือใครจะเถียง…
หันไปดูราคาหุ้นยิ่งแล้วใหญ่ ไม่ต่างจากทรงอย่างแบด…เพราะในรอบ 6 เดือนปรับลดลงไปแล้ว 13.15% รอบ 3 เดือน ปรับลดลง 6.57% และรอบ 1 เดือน ราคาปรับลดลง 4.64%
ขณะที่ ปัจจุบันซื้อขายกันที่ 45 บาทเศษ ซึ่งเป็นราคาที่ต่ำกว่าไอพีโอ 49 บาทแล้วนะ
อ้าว…กลายเป็นว่า M นัดแล้วไม่มาทั้งในแง่ของผลประกอบการและราคาหุ้นนะเนี่ย..!?
ถ้าให้วิเคราะห์ปมเหตุที่ทำให้ M ไม่ได้ดั่งใจ (นักลงทุน) น่าจะเกิดจากปัจจัยแรก…การกลับมาของร้านเอ็มเคสุกี้ครั้งนี้ ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของ M มาพร้อมกับคู่แข่งที่มากหน้าหลายตา ที่เข้ามาแข่งกันต้ม…แข่งกันลวก จนทำให้ตลาดสุกี้กลายเป็นหม้อเดือดปุด ๆ
มิหนำซ้ำยังถูกกระแสหม้อไฟหม่าล่า ซึ่งกำลังมาแรง มาเบียดบังลูกค้าไปอีก…
ขณะที่ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย ระบุว่า ตลาดปิ้งย่างและชาบู-สุกี้ มีมูลค่ารวมกว่า 3 หมื่นล้านบาท แบ่งเป็น ตลาดปิ้งย่างกว่า 9,000 ล้านบาท และตลาดชาบู-สุกี้ มูลค่ากว่า 23,000 ล้านบาท แต่เป็นตลาดที่มีการแข่งขันกันดุเดือด
สอดคล้องกับข้อมูลของ LINE MAN Wongnai ระบุว่า ภาพรวมธุรกิจร้านอาหารไทยใน 6 เดือนแรกของปี 2566 มีร้านเปิดใหม่เพิ่มขึ้น 13.6% หรือราว 100,000 ร้าน จากจำนวน 598,693 ร้าน เป็น 680,190 ร้าน ประเภทร้านอาหารเปิดใหม่ที่เติบโตสูงสุด ได้แก่ ร้านอาหารเช้า ร้านอาหารจีน และร้านสุกี้ยากี้ ชาบู ตามลำดับ นอกจากนี้สุกี้และหม่าล่ายังติด Top 5 เทรนด์ที่ถูกค้นหามากที่สุด +20.6% และ +19.8% ตามลำดับ อีกด้วย
ทว่า ดีมานด์ (ความต้องการของลูกค้า) ไม่ได้มากเท่ากับซัพพลาย (จำนวนร้านอาหาร) ที่เพิ่มราวกับดอกเห็ดหน้าฝนน่ะสิ
ส่วนอีกปัจจัย…ถ้ายังจำกันได้เมื่อครั้งที่ M ทุ่มเงินก้อนโตซื้อแหลมเจริญ ซีฟู้ด เมื่อช่วงปลายปี 2562 จนกลายเป็นข่าวอึกทึกครึกโครมในแวดวงร้านอาหาร…ซึ่งตอนนั้นถูกคาดหวังว่า การได้แหลมเจริญ ซีฟู้ด เข้ามาอยู่ในพอร์ต จะช่วยหนุนให้ M โตแข็งแกร่งมากขึ้น..!!
โดย M หวังจะใช้แหลมเจริญ ซีฟู้ด ซึ่งเป็นร้านขายอาหารทะเล นอกจากจับกลุ่มลูกค้าระดับกลาง-บนแล้ว ยังเป็นหัวหมู่ทะลวงฟัน ล้วงเงินในกระเป๋านักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ โดยเฉพาะนักท่องเที่ยวจีน ซึ่งชื่นชอบอาหารทะเลอีกด้วย…แต่ดันผิดแผน เพราะนักท่องเที่ยวจีนไม่มาตามนัด…มากะปริบกะปรอยซะงั้น…
ทำให้การสร้างมูลค่าเพิ่มจากแหลมเจริญ ซีฟู้ด ไม่เป็นอย่างที่หวัง…ทีนี้ก็ว้าวุ่นเลย..!?
เรื่องทั้งหมดก็เป็นเช่นนี้ค่าคุ้ณณณ..!!
…อิ อิ อิ…