แนวต้านที่แกร่งเกินจะฝ่าข้าม

ดัชนี SET ของตลาดหุ้นไทยล่าสุดลดต่ำลงมาที่ใต้ 1,530 จุด อีกครั้งหลังจากที่ไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,550 จุด และจะไม่สามารถฝ่าข้ามไปได้


ดัชนี SET ของตลาดหุ้นไทยล่าสุดลดต่ำลงมาที่ใต้ 1,530 จุด อีกครั้งหลังจากที่ไม่ผ่านแนวต้านที่ 1,550 จุด และจะไม่สามารถฝ่าข้ามไปได้ เนื่องจากผลของตัวแปรทั้งในตลาดภายในและปัจจัยต่างประเทศ

ปัจจัยภายในประเทศดูจากผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในตลาดที่ต่ำลง ยกเว้นกลุ่มธนาคารขนาดใหญ่ และธุรกิจให้สินเชื่อเพื่อการบริโภค (ถ้าไม่อยากใช้คำว่าฉลามเงินกู้ให้สะเทือนใจกัน) รวมทั้งหุ้นโทรคมนาคมและค้าปลีก

ส่วนปัจจัยภายนอกซึ่งมีความผันผวนของอัตราดอกเบี้ยและค่าเงินในตลาดอัตราแลกเปลี่ยนยังคงเป็นปัจจัยเสริมที่กดดันให้ดัชนีเป็นขาขึ้นได้ยาก

สถานการณ์ล่าสุดของตลาดโลกยังคงมีความผันผวนรุนแรง

โดยเฉพาะตลาดทองคำที่ล่าสุดราคาทองลดลง

สัญญาทองคำตลาดนิวยอร์กปิดลบในวันพุธ (13 ก.ย.) หลังสหรัฐฯ เปิดเผยดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เพิ่มขึ้นในเดือน ส.ค. ขณะเดียวกันตลาดถูกกดดันจากการแข็งค่าของดอลลาร์ ซึ่งลดความน่าดึงดูดของทองคำ

ทั้งนี้ สัญญาทองคำตลาด COMEX (Commodity Exchange) ส่งมอบเดือน ธ.ค. ลดลง 2.60 ดอลลาร์ หรือ 0.13% ปิดที่ 1,932.50 ดอลลาร์/ออนซ์

แล้วสถานการณ์ของอัตราดอกเบี้ยโลกยังกดดันให้ดอกเบี้ยเป็นขาขึ้นต่อไปอีกซึ่งยังผลให้มีแรงกดดันให้ราคาหุ้นไม่เป็นขาขึ้นอย่างแท้จริง  แม้ว่าราคาหุ้นจะตกต่ำลงไปเกินกว่าระดับบุ๊กเเวลูในหุ้นบางกลุ่มอย่างเช่นหุ้นปิโตรเคมี และพลังงานปิโตรเลียม

กระทรวงแรงงานสหรัฐฯ เปิดเผยว่า ดัชนี CPI ซึ่งเป็นมาตรวัดเงินเฟ้อจากการใช้จ่ายของผู้บริโภค ปรับตัวขึ้น 3.7% ในเดือน ส.ค. เมื่อเทียบรายปี สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 3.6% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 3.2% ในเดือน ก.ค. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI ปรับตัวขึ้น 0.6% ในเดือน ส.ค. สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือน ก.ค.

ส่วนดัชนี CPI พื้นฐานซึ่งไม่นับรวมหมวดอาหารและพลังงาน ปรับตัวขึ้น 4.3% ในเดือน ส.ค. เมื่อเทียบรายปี สอดคล้องกับตัวเลขคาดการณ์ หลังจากที่เพิ่มขึ้น 4.7% ในเดือน ก.ค. และเมื่อเทียบรายเดือน ดัชนี CPI พื้นฐานปรับตัวขึ้น 0.3% ในเดือน ส.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าจะเพิ่มขึ้น 0.2% หลังจากที่เพิ่มขึ้น 0.2% ในเดือน ก.ค.

ทั้งนี้ หลังสหรัฐฯ เปิดเผยตัวเลข CPI ประจำเดือน ส.ค. นักลงทุนให้น้ำหนัก 97% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยที่ระดับ 5.25-5.50% ในการประชุมที่จะมีขึ้นในวันที่ 19-20 ก.ย.นี้ แต่ให้น้ำหนักเพียง 61% ที่เฟดจะคงอัตราดอกเบี้ยในการประชุมเดือน พ.ย. ดังนั้นจึงคาดเดาว่าดอกเบี้ยจะเป็นขาขึ้นเพื่อสู้กับอัตราเงินเฟ้อที่พุ่งขึ้นมา

ดัชนีดอลลาร์ ซึ่งเป็นดัชนีวัดความเคลื่อนไหวของดอลลาร์เมื่อเทียบกับสกุลเงินหลัก 6 สกุลในตะกร้าเงิน เพิ่มขึ้น 0.06% แตะที่ระดับ 104.7727 โดยการแข็งค่าของดอลลาร์ทำให้สัญญาทองคำมีราคาลงไปกว่าระดับเดิม

แรงกดดันทั้งจากปัจจัยภายในและภายนอกทำให้ราคาหุ้นในประเทศไทยมีลักษณะไซด์เวย์ขาลงมากกว่าขาขึ้น

แรงกดดันเช่นนี้ทำให้ยากที่จะบอกได้ว่าสภาพของการ breaking out ของตลาดหุ้นไทยจะมีขึ้นในระยะสั้นนี้ ทางเลือกของนักลงทุนในตลาดจึงอยู่ที่ความอึดและมุมมองเชิงบวก

Back to top button