ESSO สิ้นสุดทางเลื่อน.!

หลังจากดีล บมจ.บางจาก คอร์ปอเรชั่น หรือ BCP ซื้อ บมจ.เอสโซ่ (ประเทศไทย) หรือ ESSO จากผู้ถือหุ้นใหญ่ ExxonMobil สัดส่วน 65.99% จบไป


หลังจากดีลบริษัท บางจาก คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ BCP ซื้อบริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) หรือ ESSO จากผู้ถือหุ้นใหญ่ ExxonMobil สัดส่วน 65.99% จบไป (ชำระค่าหุ้นมูลค่า 22,605.92 ล้านบาทเรียบร้อยแล้ว) ถัดมาก็ตั้งโต๊ะเทนเดอร์ฯ หุ้นที่เหลือจำนวน 1,177.10 ล้านหุ้น คิดเป็น 34.01% ที่ราคาหุ้นละ 9.8986 บาท เริ่มตั้งแต่วันที่ 8 ก.ย. 2566 ไปจนถึงวันที่ 12 ต.ค. 2566 รวมระยะเวลา 25 วันทำการ…

เป็นภาพชัดเจนว่า BCP รวบหัวรวบหางกินตรงกลางตลอดตัว ESSO โดยสมบูรณ์แบบแล้ว..!!

สเต็ปถัดไป BCP ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นใหญ่ ก็ต้องนัดประชุมบอร์ดนัดแรก…ซึ่งในการประชุมบอร์ดนัดแรกของ ESSO ภายใต้ผู้ถือหุ้นใหญ่รายใหม่ (ที่ไม่ใช่ ExxonMobil) เมื่อวันที่ 18 ก.ย.ที่ผ่านมา วาระแรก ๆ ที่สำคัญก็คือการเปลี่ยนชื่อโลโก้และชื่อย่อหลักทรัพย์ใหม่ให้เร้าใจกว่าเดิม..!!

โดยเปลี่ยนชื่อบริษัทจาก บริษัท เอสโซ่ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) มาเป็นบริษัท บางจาก ศรีราชา จำกัด (มหาชน) (แหม๊…เปรียบชื่อใหม่ไม่ต่างจากเดิมเคยกินพิซซ่าแล้วหันมากินน้ำพริกยังไงยังงั้น ก็เข้าใจแหละว่าต้องการตอกย้ำความเป็นบางจาก แต่น่าจะหาชื่อที่โมเดิร์นกว่านี้ป๊ะ..?) พร้อมเปลี่ยนชื่อย่อหลักทรัพย์จาก ESSO มาเป็น BSRC…เพื่อลบภาพเอสโซ่ออกไป

เท่ากับว่า หลังลงมติการประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น ครั้งที่ 1/2566 ในวันอังคารที่ 14 พ.ย. 2566 ก็จะสิ้นสุดแบรนด์เอสโซ่อย่างเป็นทางการ…โลโก้ “พี่เสือ” หรือ “ปั๊มลายเสือ” และสโลแกนที่คุ้นหูคนไทย “จับเสือใส่ถังพลังสูง” ก็จะจางหายไปจากประเทศไทยอย่างถาวร

นั่นหมายถึง การปิดตำนานเอสโซ่ ซึ่งเข้ามาประกอบธุรกิจด้านพลังงานในประเทศไทยมายาวนานกว่า 129 ปี หรือนับตั้งแต่ปี 2437 ภายใต้ชื่อบริษัท แสตนดาร์ดออยล์แห่งนิวยอร์ก เปิดสาขาที่ตรอกกัปตันบุช (ซอยเจริญกรุง 30) จำหน่ายน้ำมันก๊าดตราไก่ และตรานกอินทรี ต่อมาปี 2474 บริษัท แสตนดาร์ดออยล์แห่งนิวยอร์ก และบริษัท แว๊คคั่มออยล์ ร่วมกันจัดตั้งบริษัท โซโกนีแว๊คคั่ม คอร์ปอเรชั่น และจำหน่ายผลิตภัณฑ์หล่อลื่นตรา “การ์กอยส์”

ในปี 2476 ร่วมกับบริษัท แสตนดาร์ดออยส์ (นิวเจอร์ซี) เปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท สแตนดาร์ดแว๊คคั่มออยล์ จำกัด จำหน่ายผลิตภัณฑ์ภายใต้แบรนด์ “ม้าบิน” และปี 2490 รับชื้อกิจการคลังน้ำมันช่องนนทรีจากกรมเชื้อเพลิงมาดำเนินการ

แต่จุดเปลี่ยนสำคัญ และถือเป็นจุดเริ่มต้นของแบรนด์ “เอสโซ่” เริ่มเมื่อปี 2505 ได้เปลี่ยนชื่อมาเป็น บริษัท เอสโซ่ แสตนดาร์ด อีสเทอร์น จำกัด เมื่อวันที่ 1 เม.ย. 2505 และเปลี่ยนเครื่องหมายตราม้าบิน มาเป็นตราเอสโซ่ และในปี 2508 เปลี่ยนชื่อมาเป็นบริษัท เอสโซ่ แสตนดาร์ด ประเทศไทย จำกัด

จากนั้นในปี 2510 ได้ซื้อโรงงานจากบริษัท ยางมะตอยไทย เพื่อจัดตั้งโรงกลั่นน้ำมัน เอสโซ่ ศรีราชา และในปี 2514 ขยายโรงกลั่นครั้งแรก เพิ่มกำลังการผลิตเป็น 35,000 บาร์เรลต่อวัน

หลังจากนั้น เอสโซ่ก็ขยับขยายธุรกิจเรื่อยมาจนเติบใหญ่ เป็นหนึ่งในบริษัทที่ดำเนินธุรกิจการกลั่นและค้าน้ำมัน รวมถึงเคมีภัณฑ์แบบครบวงจร โดยมีโรงกลั่นน้ำมันระดับมาตรฐานโลก ตั้งอยู่ที่ อ.ศรีราชา จ.ชลบุรี และมีกำลังการผลิตสูงสุด 174,000 บาร์เรลต่อวัน, หน่วยผลิตสารทำละลาย ซึ่งมีกำลังการผลิต 50,000 ตันต่อปี มีเครือข่ายสถานีบริการเอสโซ่ประมาณ 820 แห่งทั่วประเทศ (ข้อมูล ณ สิ้นเดือน เม.ย. 2565)

ส่วนช่องทางพาณิชยกรรม ครอบคลุมการขายผลิตภัณฑ์ปิโตรเลียมให้แก่โรงงานอุตสาหกรรม ผู้ค้าส่ง ตลอดจนลูกค้าในอุตสาหกรรมการบินและการเดินเรือ ซึ่งผลิตภัณฑ์ที่ขายให้แก่โรงงานอุตสาหกรรมและผู้ค้าส่ง ประกอบด้วย ก๊าซปิโตรเลียมเหลว น้ำมันเบนซิน น้ำมันดีเซล น้ำมันเตา น้ำมันเชื้อเพลิงอากาศยาน ยางมะตอย และน้ำมันหล่อลื่น

ทว่า ถึงวันนี้เปรียบเสมือน “ปั๊มลายเสือ” เดินทางมาถึงขั้นสุด หรือสิ้นสุดทางเลื่อนของเอสโซ่ในประเทศไทยแล้ว…ส่วนร่างเก่าในชื่อใหม่ “บางจาก ศรีราชา” จะเป็นยังไงต่อไป…

อันนี้มิอาจทราบได้จริง ๆ…

…อิ อิ อิ…

Back to top button